โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินบางส่วนเนื้อที่ประมาณ 20 ตารางวาของที่ดินโฉนดเลขที่ 1011 ตำบลบางยี่เรือ อำเภอธนบุรีกรุงเทพมหานคร เพื่อปลูกบ้านเลขที่ 620 ตรอกโรงเจ ถนนเทอดไทแขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร จากนางประไพหรือสวง พฤกษ์สำเริง มารดาโจทก์ในอัตราค่าเช่าเดือนละ 60 บาทต่อมานางประไพถึงแก่กรรม โจทก์เป็นทายาทและผู้จัดการมรดกนางประไพ จำเลยเช่าที่ดินดังกล่าวจากโจทก์ ต่อมา แล้วได้ให้ค่าเช่าเพิ่มเป็นเดือนละ 80 บาท จำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 620 ถนนเทอดไทแขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ออกไปจากที่ดินพิพาทให้จำเลยส่งมอบที่ดินในสภาพเรียบร้อยแก่โจทก์และชำระค่าเช่าที่ค้างพร้อมค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยเช่าที่ดินโจทก์ เดิมที่ดินพิพาทเป็นของนางเปลื้อง ยิ้มบุญคง ซึ่งเป็นมารดาของนางปราณี ฉายะวิภาต ภริยาจำเลย นางเปลื้องให้นางปราณีและจำเลยปลูกบ้านเลขที่ 620 อาศัยอยู่ในที่ดินพิพาท ต่อมานางเปลื้องถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2508 นางเปลื้องทำพินัยกรรมยกที่ดินโฉนดเลขที่ 1011 เนื้อที่ 303 ตารางวา ให้ทายาททุกคนเป็นส่วนสัดตามพินัยกรรมและแผนที่ที่ดิน ต่อมาทายาททุกคนได้ใส่ชื่อในโฉนดที่ดินนั้นเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกันโดยตกลงว่าจะแบ่งที่ดินตามแผนที่ตามพินัยกรรม แต่ไม่ได้แบ่งเช่นนั้นเพราะทายาทครอบครองปลูกบ้านล้ำกัน และให้ถือว่าทายาทคนใดครอบครองส่วนใดอยู่ก็ให้ได้ส่วนนั้นไป จำเลยและนางปราณีครอบครองที่ดินพิพาทมาโดยตลอดโดยสงบ สุจริต เปิดเผย และโดยเจตนาเป็นเจ้าของเกินกว่า10 ปีแล้วที่ดินพิพาทจึงตกเป็นของจำเลยและนางปราณีแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง พิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยรื้อบ้านเลขที่ 620 ตรอกโรงเจถนนเทอดไท แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี ออกไปจากที่ดินส่วนที่ 3ในโฉนดที่ดินเลขที่ 1011 ของโจทก์ และให้จำเลยส่งมอบที่ดินในสภาพเรียบร้อยให้แก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์เดือนละ100 บาท นับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2527 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนบ้านดังกล่าวออกไปจากที่ดินของโจทก์หมดสิ้น จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า ทายาททั้ง 6 คน มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันในโฉนด แต่มิได้ทำการรังวัดกำหนดแนวเขตออกเป็นสัดส่วนของแต่ละคน ต้องถือว่าได้ครอบครองร่วมกันและแทนกันตลอดทั้งแปลง โจทก์จะอ้างกรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนที่จำเลยและนางปราณีภริยาจำเลยปลูกบ้านเลขที่ 620 อยู่ไม่ได้นั้น เห็นว่าจำเลยให้การว่า จำเลยปลูกบ้านในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของนางเปลื้อง ยิ้มบุญคง และนางเปลื้องได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินโฉนดเลขที่ 1011 ให้แก่นางปราณีภริยาจำเลยและทายาทคนอื่นรวม 6 คน โดยกำหนดส่วนสัดเนื้อที่ตามลักษณะแผนที่ที่ดินในพินัยกรรมเมื่อนางเปลื้องถึงแก่กรรมแล้ว ทายาททุกคนต่างตกลงแบ่งการถือกรรมสิทธิ์โดยให้ถือตามบ้านที่ทายาทแต่ละคนปลูกอาศัยอยู่ ทั้งจำเลยได้ครอบครองปรปักษ์มาเกิน 10 ปีแล้ว จึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินในกรอบสีแดงตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 ดังนี้ จึงเป็นคำให้การที่จำเลยอ้างว่าจำเลยและภริยาจำเลยได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ปลูกบ้านเลขที่ 620 โดยตกลงแบ่งการครอบครองกับทายาทอื่นเป็นสัดส่วนและด้วยการครอบครองปรปักษ์การที่จำเลยกลับฎีกาโดยอ้างสิทธิในที่ดินพิพาทว่ายังเป็นทรัพย์มรดกซึ่งยังมิได้มีการแบ่งปันกันต้องถือว่าทายาทมีสิทธิครอบครองร่วมกันและแทนกันตลอดทั้งแปลงจึงเป็นการฎีกาโดยยกข้อเท็จจริงที่ขัดกับคำให้การของจำเลยซึ่งไม่มีประเด็นจึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นทั้งมิใช่เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ฎีกาจำเลยจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249วรรคแรก ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย"
พิพากษายกฎีกาจำเลย