คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งห้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 335, (7) (8), 362, 365 (2) หลังจากสืบพยานโจทก์และจำเลยเสร็จแล้ว ระหว่างนัดฟังคำพิพากษาศาลชั้นต้น ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นอนุญาต ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอเพิกถอนกระบวนพิจารณาผิดระเบียบ อ้างว่าทนายโจทก์ขอถอนฟ้องเป็นเท็จศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้อง หลังจากนั้นโจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านนาย ณ. ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น โดยผู้พิพากษาหัวหน้าศาลยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกอุทธรณ์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่วินิจฉัยว่าคำสั่งศาลชั้นต้นเป็นที่สุดชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ตามคำร้องของโจทก์ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2563 ที่คัดค้านขอให้เปลี่ยนตัวผู้พิพากษาท่านอื่นแทนนาย ณ. ได้ระบุความเพียงว่า เพื่อรักษาไว้ซึ่งเกียรติยศและชื่อเสียงของนาย ณ. ไว้ไม่ให้ได้รับความกระทบกระเทือนหม่นหมองหรือเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ระหว่างที่นาย ณ. นั่งพิจารณาคดีหมายเลขดำที่ 1163/2561 โจทก์เห็นบรรยากาศการพิจารณาคดีว่าตึงเครียดมีความหนักหนาสาหัสเป็นภาระแก่นาย ณ. อย่างหนักอยู่แล้ว เพื่อให้สอดคล้องกับประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ ข้อ 3, 4, 5 และ 6 ให้ตรงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 11 (5) และมาตรา 12 ประกอบกับเคยมีบรรยากาศที่ทำให้โจทก์เกิดความลำบากใจหลายประการขออนุญาตนำสืบในรายละเอียดชั้นไต่สวนคำร้องนี้ อันเป็นเหตุการณ์หรือสภาพร้ายแรงทำให้เห็นได้ว่า หากให้นาย ณ. ได้พิจารณาหรือพิพากษาคดีนี้อาจจะเกิดบรรยากาศเช่นนี้ขึ้นอีกภายใต้สภาวะเช่นนี้ จะทำให้การพิจารณาหรือพิพากษาคดีจะเสียความยุติธรรมไปตามมาตรา 12 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเท่านั้น คำร้องของโจทก์ดังกล่าวไม่ได้แสดงรายละเอียดโดยแจ้งชัดพอที่จะทำให้เข้าใจได้ว่า ที่นาย ณ. นั่งพิจารณาคดีหมายเลขดำที่ 1163/2561 ซึ่งแม้จะเป็นคู่ความเดียวกันด้วยนั้นมีพฤติกรรมอย่างไรที่นาย ณ. อาจทำให้การพิจารณาหรือพิพากษาคดีนี้เสียความยุติธรรมไปอย่างไรด้วย แม้โจทก์จะกล่าวอ้างในคำร้องว่าขออนุญาตนำสืบในรายละเอียดชั้นไต่สวนคำร้องต่อไป แต่เมื่อคำร้องของโจทก์ไม่มีรายละเอียดในเบื้องต้นว่ามีเหตุที่จะคัดค้านผู้พิพากษาตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 11(5) และมาตรา 12 ได้บัญญัติไว้อย่างไรเสียแล้ว จึงไม่จำเป็นที่ศาลจะต้องทำการไต่สวนพยานหลักฐานว่า มีข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามคำร้องหรือไม่ ส่วนที่โจทก์จะขอนำสืบรายละเอียดในชั้นไต่สวนคำร้องนั้นก็เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์ไม่ได้อ้างไว้ในคำร้อง ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ตามคำร้องไม่ปรากฏเหตุตามกฎหมายที่จะคัดค้านผู้พิพากษาได้ ในชั้นนี้ให้ยกคำร้องนั้นเป็นการชอบแล้ว และคำสั่งเช่นว่านี้เป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 14 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า คำสั่งศาลชั้นต้นเป็นที่สุด จึงต้องห้ามอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์เป็นการไม่ชอบ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ไม่รับวินิจฉัย พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ เป็นการชอบแล้วเช่นเดียวกัน ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้นพิพากษายืน