ข้อเท็ดจิงฟังได้ว่า จำเลยได้ทำหนังสือไห้แก่โจทไว้แต่วันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๔๗๕ ว่าจำเลยได้กู้เงินของโจทไป ๓๐๐ บาท เอกนามาไห้โจทยึดถือเปนประกันแทนต้นเงินและดอกเบี้ยสัญญาจะส่งเงินคืนพายไน ๕ เดือนและว่าถ้าถึงกำหนดสัญญาไม่มาไถ่ถอนเอาต้นเงินและดอกเบี้ยมาส่งไห้ถือว่าผู้กู้ไม่เกี่ยวข้องไนที่นารายนี้แล้ว แล้วจะได้ทำหนังสือสัญญาร้องขายขาดไห้แก่เจ้าของเงินทางอำเพอแต่จำเลยไม่เคยนำต้นเงินและดอกเบี้ยมาส่งไห้โจท โจทก็ได้ครอบครองทำนารายนี้ตลอดมาจนเกิน ๑๐ ปีแล้ว โจทจึงฟ้องคดีนี้ขอไห้สาลบังคับจำเลยโอนขายขาดที่นารายนี้ไห้แก่โจทตามสัญญา ถ้าไม่ยอมโอนก็ไห้สาลสแดงว่าที่รายนี้เปนกัมสิทธิของโจทหย่าไห้จำเลยเกี่ยวข้องต่อไป
สาลชั้นต้นและสาลอุธรน์วินิฉัยต้องกันว่าโจทฟ้องขาดอายุความ ไห้ยกฟ้องโจท
โจทดีกา สาลดีกาเห็นพ้องกับสาลล่างทั้ง ๒ ว่า โจทจะฟ้องขอไห้บังคับจำเลยไห้ขายนารายพิพาทไห้แก่โจทตามสัญญาไม่ได้เพราะขาดอายุความ ๑๐ ปีตามมาตรา ๕๔
ส่วนไนเรื่องปกครองนั้นตามข้อสัญญามีว่าถ้าจำเลยไม่มาไถ่ถอนไห้ถือว่าจำเลยไม่เกี่ยวข้องไนที่รายนี้แล้ว ข้อสัญญามีดังนี้การที่โจทครอบครองที่ดินเมื่อพ้นกำหนดไถ่แล้วย่อมเปนการครอบครองโดยเจตนาเปนเจ้าของจึงพิพากสาว่าที่เปนสิทธิของโจท.