โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 346,116 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน 304,278 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 240,000 บาท นับแต่วันฟ้อง (21 มิถุนายน 2542) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 5,000 บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 240,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2542 ซึ่งเป็นวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยใช้ค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์ 5,000 บาท แทนโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยก่อนว่าโจทก์ใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริตและมีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า นายสว่างผู้รับมอบอำนาจโจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยถามค้านรับว่า ใบส่งของเอกสารหมาย ล.1 ถึง ล.23 เป็นเอกสารของบริษัทโจทก์จริงและเป็นฉบับเดียวกันกับใบส่งของเอกสารหมาย จ.3 ถึง จ.22 ซึ่งมีการแก้ไข เพียงแต่อ้างว่าไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นคนแก้ไข เมื่อได้พิจารณาเอกสารดังกล่าวทั้งหมดประกอบคำเบิกความของนายสว่างแล้ว เห็นได้ว่าเอกสารหมาย จ.3 ถึง จ.22 และ ล. 1ถึง ล.23 เป็นเอกสารชุดเดียวกัน เอกสารหมาย จ.3 ถึง จ.22 ทุกฉบับยกเว้นเอกสารหมาย จ.7 ซึ่งตรงกันกับเอกสารหมาย ล.7 มีการแก้ไขจากเดือน 4 หรือเดือนเมษายนเป็นเดือน 6 หรือเดือนมิถุนายน และจากเดือน 5 หรือเดือนพฤษภาคมเป็นเดือน 7 หรือเดือนกรกฎาคม เอกสารดังกล่าวอยู่ในความครอบครองของโจทก์ เชื่อว่าโจทก์มีส่วนรู้เห็นในการแก้ไขเพื่อมิให้ขาดอายุความ 2 ปี ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/34 (1) เนื่องจากโจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ 21 มิถุนายน 2542 ใบส่งเอกสารหมาย จ.3 ถึง จ.22 ยกเว้น จ.7 ที่โจทก์นำมาฟ้องและใช้อ้างเป็นพยานในคดีจึงเป็นเอกสารปลอม เป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยไม่สุจริต โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกให้จำเลยชำระค่าสินค้าตามใบส่งของดังกล่าว ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะไม่ได้ให้การต่อสู้ในศาลชั้นต้น จำเลยก็ยกขึ้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสอง ส่วนคำร้องของจำเลยขอให้ศาลไกล่เกลี่ยฉบับลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2542 นั้นจำเลยปฏิเสธความถูกต้องอ้างว่าฝ่ายโจทก์เป็นผู้จัดทำขึ้นนำมาให้จำเลยลงลายมือชื่อโดยไม่ทราบข้อความเพราะจำเลยอ่านภาษาไทยไม่ได้ จะถือว่าจำเลยยอมรับว่าเป็นหนี้โจทก์ไม่ได้และไม่อาจนำมารับฟังให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงิน 15,960 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2542 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ.