โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองและจำเลยร่วมร่วมกันชำระเงินจำนวน 211,095 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 200,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ในระหว่างการพิจารณาโจทก์ยื่นคำร้องขอให้เรียกบริษัทไทยศรีนครซูริคประกันภัย จำกัด เข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยร่วมให้การแก้ไขคำให้การว่า หากโจทก์จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิตรวม 4 คน ๆ ละ 50,000 บาท ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ข้อ 4.1 เป็นการจ่ายเงินกรณีประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลซึ่งเกี่ยวกับการเสี่ยงภัยถึงแก่ชีวิตโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องหรือเรียกค่าเสียหายใดๆ จากจำเลยทั้งสองและจำเลยร่วมได้ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3026/2540 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและคู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นฎีกาว่า โจทก์รับประกันภัยรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 3 ว-5428 กรุงเทพมหานคร ไว้จากนางจรรยา มีอายุสัญญา 1 ปี นับแต่วันที่ 31 มกราคม 2540 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2541 เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2540 เวลาประมาณ 13 นาฬิกา ขณะที่นายสมศักดิ์ขับรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยไว้มาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ขณะนั้นจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ขับรถบรรทุกสิบล้อไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนที่จำเลยร่วมรับประกัยภัยไว้มาในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 แล่นสวนทางมาด้วยความเร็วสูงและด้วยความประมาททำให้เฉี่ยวชนกับรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยไว้เป็นเหตุให้นายสมศักดิ์ผู้ขับรถยนต์คันดังกล่าว นางรุ่งกานต์ เด็กชายปรเมธหรือปาราเมศ และนายเซ็งซิม ผู้โดยศาลที่นั่งมาด้วยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา และโจทก์ได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า กรมธรรม์ประกันภัยของรถยนต์ ในส่วนที่เกี่ยวกับความรับผิดของผู้รับประกันภัยต่อการมรณะของบุคคลเป็นสัญญาประกันชีวิตหรือไม่ เห็นว่า ข้อสัญญาตามกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ในส่วนที่เป็นการประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับการเสี่ยงภัยถึงชีวิตเป็นสัญญาประกันชีวิตอย่างหนึ่งอาศัยความมรณะของบุคคลเป็นเงื่อนไขแห่งการใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 889 หาใช่การประกันวินาศภัยแต่เพียงอย่างเดียวดังที่โจทก์ฎีกาไม่ ซึ่งตามบทบัญญัติว่าด้วยการประกันชีวิตไม่ได้ให้สิทธิแก่ผู้รับประกันภัยที่จะเข้ารับช่วงสิทธิได้อย่างกรณีการประกันวินาศภัย ดังนั้น แม้โจทก์จะได้จ่ายเงินค่าสินไหมทดแทนจำนวน 200,000 บาท ให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิตไป โจทก์ก็หามีสิทธิเข้ารับช่วงสิทธิเพื่อฟ้องร้องเรียกเงินจำนวนดังกล่าวจากจำเลยทั้งสองและจำเลยร่วมได้ไม่ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีสิทธิเข้ารับช่วงสิทธิเพื่อฟ้องไล่เบี้ยจากจำเลยทั้งสองและจำเลยร่วมได้และพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน