โจทย์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินซึ่งเปนของโจทก์ โดยจำเลยขออาศัยปลูกเรือนอยู่
จำเลยคัดค้านว่า โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขับไล่จำเลยได้  ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๓ เพราะที่รายนี้เปนที่รายเดียวกันกับคดีที่โจทก์จำเลยได้ทำยอกกันไว้ต่อศาลในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๐๗/๒๔๗๑ ครั้ง ๑ แล้ว  และจำเลยก็มิได้ผิดสัญญายอม
ตามสำนวนหมายเลขแดงที่ ๑๐๗/๒๔๗๑ ระวางนายรอดจำเลยในคดีนี้ได้เปนโจทก์ฟ้องขับไล่นายผลโจทก์ในคดีนี้ออกจากที่รายพิพาทนี้แต่ฝ่ายนายผลเถียงกรรมสิทธิ  ผลที่สุดโจทก์จำเลยทำสัญญายอมความกันต่อศาลมีความว่า "โจทก์จำเลยขอเลิกคดีกัน  ฝ่ายใดอยู่มาแต่เดิมเท่าใดก็อยู่ไปเท่านั้น  ส่วนกรรมสิทธิที่ดินยังไม่ขอให้วินิจฉัย"
ศาลฎีกาเห็นว่า  สัญญายอมนั้นเท่ากับยอมให้อยู่กันไปชั่วคราว  โดยระงับข้อพิพาทไว้จนกว่าจะได้ว่ากล่าวในเรื่องกรรมสิทธิต่อไป  เพราะเวลานั้นนายผลโจทก์ยังไม่ได้รับโอนกรรมสิทธิที่ดินรายพิพาทนี้มา  แต่เวลานี้นายผลโจทก์ได้รับโอนกรรมสิทธิที่ดินรายพิพาทนี้มาโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว  ก็มีสิทธิที่จะฟ้องขับไล่จำเลยได้  ไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาความแห่งมาตรา ๓ เพราะคดีนั้นยังไม่ได้พิพากษาถึงเรื่องกรรมสิทธิให้เสร็จเด็ดขาดไป  จึงตัดสินยื่นตามศาลล่างให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์ภายใน ๑ เดือน