โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสิบหกตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 4 ทวิ, 5, 6, 10, 12, 15 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83 ริบของกลาง และให้จำเลยทั้งสิบหกจ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสิบหกให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสิบหกมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4 วรรคหนึ่ง, 4 ทวิ และ 12 (2) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุกคนละ 2 เดือน และปรับคนละ 2,000 บาท จำเลยทั้งสิบหกให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 1 เดือน และปรับคนละ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ริบของกลาง ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 29/1, 30 และให้จำเลยทั้งสิบหกจ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย
โจทก์อุทธรณ์ โดยอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 9 ซึ่งอัยการสูงสุดมอบหมายรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยทั้งสิบหกฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบด้วย และเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ไม่ลงโทษปรับ ไม่รอการลงโทษและไม่จ่ายสินบนนำจับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสิบหกฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยในประการแรกเสียก่อนว่า การกระทำของจำเลยทั้งสิบหกเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 9 หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องสรุปความได้ว่า วันเกิดเหตุจำเลยทั้งสิบหกร่วมกันประกาศโฆษณาหรือชักชวนให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนันบาการา สล๊อทแมชีน สลากกินรวบ และทายผลฟุตบอลออนไลน์บนเว็บไซต์ผ่านแอปพลิเคชันไลน์และเฟซบุ๊ก พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมกันมาในข้อเดียวกัน ไม่ได้บรรยายฟ้องให้ปรากฏชัดเจนว่าจำเลยทั้งสิบหกร่วมกันประกาศโฆษณาหรือชักชวนให้เล่นการพนันแต่ละประเภทแยกต่างหากออกจากกันเป็นแต่ละกรรมต่างกัน ทั้งคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ก็ไม่ได้อ้างประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 มาด้วย จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท หาใช่เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกันดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 วินิจฉัยไม่ จึงต้องลงโทษจำเลยทั้งสิบหกฐานร่วมกันประกาศโฆษณาหรือชักชวนให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนันสลากกินรวบ ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4 วรรคสอง และมาตรา 12 (1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ทั้งโจทก์มิได้ฟ้องขอให้ลงโทษฐานร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาให้ลงโทษด้วย กรณีเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 และพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 อย่างไรก็ตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษาตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4 วรรคหนึ่ง, 4 ทวิ และ 12 (2) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสิบหกคนละ 2 เดือน และปรับคนละ 2,000 บาท ก่อนลดโทษให้นั้นเป็นการลงโทษบทเบากว่าความผิดฐานร่วมกันประกาศโฆษณาหรือชักชวนให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนันสลากกินรวบ ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 12 (1) ซึ่งเป็นบทหนักและมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปจนถึง 3 ปี และปรับตั้งแต่ 500 บาท ขึ้นไปจนถึง 5,000 บาท แต่เมื่อโจทก์ไม่อุทธรณ์ ฎีกา ศาลฎีกาจึงไม่อาจลงโทษจำเลยทั้งสิบหกให้เป็นไปตามโทษที่กำหนดในความผิดฐานดังกล่าวได้ เพราะจะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยทั้งสิบหก อันเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 ประกอบมาตรา 225 และพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4
ส่วนที่จำเลยที่ 8 ที่ 9 และที่ 12 ฎีกาในทำนองเดียวกันว่า จำเลยที่ 8 ที่ 9 และที่ 12 สมัครเข้าทำงานโดยเข้าใจว่าทำหน้าที่แอดมินเพจและคอยตอบคำถามให้แก่ลูกค้าทางออนไลน์เท่านั้น มีลักษณะเป็นการฎีกาโต้แย้งทำนองว่า จำเลยที่ 8 ที่ 9 และที่ 12 ไม่ได้ประกาศโฆษณาหรือชักชวนให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนันตามฟ้อง อันเป็นการขัดแย้งกับคำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 8 ที่ 9 และที่ 12 จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 9 ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 252 และพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยในปัญหาข้อเท็จจริงตามฎีกาของจำเลยทั้งสิบหกว่า กรณีมีเหตุสมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้งสิบหกหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยทั้งสิบหกกับพวกร่วมกันประกาศโฆษณาหรือชักชวนให้ผู้อื่นเล่นการพนันบาการา สล๊อทแมชีน สลากกินรวบ และทายผลฟุตบอล ออนไลน์บนเว็บไซต์ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์และเฟซบุ๊ก พนันเอาทรัพย์สินกัน โดยจำเลยทั้งสิบหกกับพวกเป็นฝ่ายเจ้ามือรับกินรับใช้ทำหน้าที่ให้บริการคอยตอบคำถามให้แก่ลูกค้า (admin) และชักชวนให้ลูกค้าเข้าเล่นการพนันดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญทำให้การพนันแพร่กระจายไปสู่สังคมได้รวดเร็วยากแก่การตรวจสอบและควบคุม ก่อให้ประชาชนลุ่มหลงในอบายมุข โดยเฉพาะในหมู่เยาวชน อันเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้ส่วนตน ไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะติดตามมาจากการเล่นการพนันอีกหลายประการ นอกจากนั้นจำเลยทั้งสิบหกกับพวกร่วมกันประกาศโฆษณาหรือชักชวนให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนันออนไลน์บนเว็บไซต์เป็นจำนวนมากถึง 8 เว็บไซต์ โดยเมื่อลูกค้าสนใจเข้าร่วมเล่นการพนันสามารถสมัครเล่นผ่านลิงก์ในข้อความประกาศโฆษณาชักชวนบนแอปพลิเคชันดังกล่าว ลูกค้าจะต้องโอนเงินพนันให้แก่ฝ่ายบัญชี แล้วจำเลยทั้งสิบหกกับพวกจะส่งรหัสสมาชิก (Username Password) และหลักฐานการโอนเงินแก่ลูกค้า จากนั้นลูกค้าจึงจะสามารถเข้าไปเล่นการพนันออนไลน์ต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์ดังกล่าวได้ อันมีลักษณะกระทำการเป็นขั้นเป็นตอน ประกอบกับขณะเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยทั้งสิบหกกับพวกพร้อมยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ 15 เครื่อง เครื่องเร้าเตอร์กระจายสัญญาณไวไฟ 4 เครื่อง และโทรศัพท์เคลื่อนที่ 6 เครื่อง รวม 25 รายการ แสดงว่าจำเลยทั้งสิบหกกับพวกร่วมกันกระทำเป็นขบวนการเครือข่ายเล่นการพนันออนไลน์รายใหญ่ กระทำเป็นอาชีพ ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของสังคมและระบบเศรษฐกิจโดยรวม พฤติการณ์แห่งคดีนับว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรง แม้จะไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสิบหกเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนและมีเหตุผลความจำเป็นดังที่กล่าวอ้างมาในฎีกาก็ตาม แต่ก็ยังมิใช่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้งสิบหก ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้งสิบหกมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสิบหกฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสิบหกมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4 วรรคหนึ่งและวรรคสอง, 4 ทวิ และ 12 (1) (2) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสิบหกเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันประกาศโฆษณาหรือชักชวนให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนันสลากกินรวบ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ส่วนโทษและนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9