ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานในคดีพิพาทระหว่างรัฐและเอกชน ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ป.วิ.พ. แม้เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์สาธารณะ
แม้คดีนี้จะเป็นข้อพิพาทระหว่างรัฐกับเอกชนและคำสั่งจังหวัด-กาญจนบุรีที่ 1139/2532 ที่ให้แก้ไขหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาททั้งสี่แปลงเพราะออกทับหนองน้ำสาธารณะหนองแฟบจะเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนโดยส่วนรวมก็ตาม แต่การฟังพยานหลักฐานของศาลยุติธรรมย่อมต้องเป็นไปตามนัยของ ป.วิ.พ. บันทึกถ้อยคำที่บุคคลให้การไว้ต่อคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่ทางราชการแต่งตั้งขึ้นนั้นย่อมรับฟังได้ แต่น้ำหนักของพยานหลักฐานดังกล่าวมีน้อยกว่าการที่ฝ่ายผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีจำเลยจะนำบุคคลดังกล่าวมาเบิกความในศาลเพราะเป็นเพียงพยานบอกเล่า
ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ได้อุทิศที่ดินพิพาทให้เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินแล้วนั้น เมื่อจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ถึงเรื่องดังกล่าวไว้จึงไม่เป็นประเด็นที่ศาลฎีกาจะวินิจฉัยให้