โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91, 266 (1), 268 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 4, 7, 24, 34, 72, 73, 73 ทวิ และนับโทษต่อจากโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 372/2560 ของศาลจังหวัดกาญจนบุรี และคดีหมายเลขแดงที่ ลศ.7/2561 ของศาลชั้นต้น ริบใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) ที่ 20/2548 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2548 ของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 266 (1) (เดิม) ประกอบมาตรา 83 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2497 (ที่ถูก พ.ศ.2490) มาตรา 7, 24, 34, 72 วรรคสาม, 73, 73 ทวิ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานใช้หรืออ้างเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอม จำคุก 4 ปี ฐานมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และฐานจำหน่ายอาวุธปืนแก่ผู้ที่ไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน และฐานจำหน่ายซึ่งอาวุธปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานจำหน่ายซึ่งอาวุธปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 4 ปี รวมจำคุก 8 ปี นับโทษต่อจากโทษของจำเลยตามคดีหมายเลขแดงที่ ลศ.7/2561 ของศาลชั้นต้น ริบของกลาง ข้อหาและคำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานจำหน่ายซึ่งอาวุธปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี ยกฟ้องโจทก์สำหรับความผิดฐานมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และฐานใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอม นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้ฎีกาโต้แย้งรับฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2548 นายบือราเฮง ยื่นคําขออนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.1) ต่อนายทะเบียนอาวุธปืนอําเภอรามัน จังหวัดยะลา เพื่อขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืนสั้นรีวอลเวอร์ ขนาด .38 จํานวน 1 กระบอก อ้างว่าจะรับโอนอาวุธปืนมาจากนายวิเชียร ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบดําเนินการสอบสวนตามระเบียบแล้วเสนอเรื่องต่อนายทะเบียนอาวุธปืนอําเภอรามันเพื่อออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนส่วนบุคคล (แบบ ป.3) นายทะเบียนอาวุธปืนอําเภอรามันพิจารณาแล้วจึงออกใบอนุญาตดังกล่าวแก่นายบือราเฮงเพื่อให้นายบือราเฮงซื้ออาวุธปืนจากนายวิเชียร ต่อมานายบือราเฮงนําใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) เลขที่ 20/2548 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2548 ออกให้โดยที่ว่าการอําเภอมหาราช ปรากฏชื่อนายวิเชียรเป็นผู้ได้รับอนุญาต ซึ่งมีการสลักหลังตัดโอนด้านหลังเอกสารดังกล่าวมายื่นต่อนายทะเบียนอาวุธปืนอําเภอรามัน และนายทะเบียนอาวุธปืนอําเภอรามันออกใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) แก่นายบือราเฮง ตามใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) เลขที่ 235/2549 ลงวันที่ 4 กันยายน 2549 หลังจากนั้นนายทะเบียนอาวุธปืนอําเภอรามันตรวจสอบทะเบียนอาวุธปืนดังกล่าวไปยังนายทะเบียนอาวุธปืนอําเภอมหาราชและได้รับแจ้งว่าใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) เลขที่ 20/2548 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2548 ซึ่งออกโดยนายทะเบียนอาวุธปืนอําเภอมหาราชเป็นใบอนุญาตปลอม นายทะเบียนอาวุธปืนอําเภอรามันจึงเพิกถอนใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) เลขที่ 235/2549 ลงวันที่ 4 กันยายน 2549 ของนายบือราเฮง และยึดใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) เลขที่ 20/2548 ลงวันที่ 21 มีนาคม 2548 ไว้เป็นของกลาง สำหรับความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์ไม่อุทธรณ์ จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ความผิดฐานมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายกฟ้อง กับความผิดฐานจำหน่ายอาวุธปืนแก่ผู้ที่ไม่ได้รับใบอนุญาตให้ซื้อหรือมีและใช้อาวุธปืน และฐานจำหน่ายซึ่งอาวุธปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาลงโทษจำเลยยืนตามศาลชั้นต้น ซึ่งคดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้ฎีกา จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9
มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) เป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการหรือไม่ เห็นว่า เอกสารสิทธิ คือ เอกสารที่เป็นหลักฐานแห่งการก่อสิทธิ เปลี่ยนแปลงสิทธิ โอนสิทธิ สงวนสิทธิ หรือระงับซึ่งสิทธิ อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) เป็นเพียงเอกสารซึ่งนายทะเบียนอาวุธปืนออกให้แก่ผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง ซึ่งผู้ขอใบอนุญาตต้องยื่นคำขอและผ่านการพิจารณาจากเจ้าหน้าที่ตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) ไม่อาจโอนให้แก่บุคคลอื่นได้ รวมถึงไม่ตกทอดแก่ทายาท หากแต่ผู้รับโอนหรือทายาทต้องผ่านการพิจารณาคุณสมบัติจากนายทะเบียนอาวุธปืนเสียก่อนจึงจะได้รับใบอนุญาต ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (แบบ ป.4) จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมการใช้อาวุธปืนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ เป็นเพียงเอกสารราชการ ไม่ใช่เอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (9) เมื่อความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 265 (เดิม) มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท มีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 (3) ฟ้องโจทก์ในความผิดฐานนี้จึงขาดอายุความ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายกฟ้องในความผิดฐานนี้ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน