คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๒๒๘,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๓๖ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง (วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๓๗) ไม่เกิน ๑๓,๐๐๖ บาท และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ ๑,๐๐๐ บาท
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยแต่งตั้งทนายความและยื่นคำแถลงขอถ่ายสำเนาเอกสารตั้งแต่วันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๔๒ แสดงว่าจำเลยทราบข้อเท็จจริงคดีนี้ตั้งแต่วันดังกล่าว ถือว่าพฤติการณ์ที่จำเลยอ้างว่าไม่อาจยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ภายในกำหนดสิ้นสุดลงแล้ว จำเลยยื่นคำร้องล่วงเลยกำหนด ๑๕ วัน นับแต่วันดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๓๗ โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยโดยระบุว่าจำเลยอยู่ที่ ๓๘๕/๑ ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ซึ่งตรงกับที่อยู่ที่จำเลยได้จดทะเบียนไว้ต่อสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ พนักงานเดินหมายได้นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้จำเลย ณ ที่อยู่ดังกล่าว แต่ไม่พบจำเลย พบบ้านเลขที่ดังกล่าวปิดใส่กุญแจทิ้งไว้ เมื่อสอบถามบุคคลที่อยู่บ้านข้างเคียงได้ความว่าบ้านเลขที่ดังกล่าวปิดอยู่นานแล้วและไม่มีผู้ใดรู้จักบริษัทจำเลย พนักงานเดินหมายจึงได้ปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้ ณ บ้านเลขที่ดังกล่าวตามคำสั่งศาลชั้นต้น จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาเมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๓๗ ให้จำเลยชำระเงิน ๒๒๘,๐๐๐ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๐ พนักงานเดินหมายได้ส่งคำบังคับให้แก่จำเลยที่บ้านเลขที่ดังกล่าวโดยวิธีปิดคำบังคับตามคำสั่งศาลชั้นต้น วันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๔๒ จำเลยได้แต่งตั้งทนายความยื่นคำแถลงขอถ่ายเอกสารคำฟ้อง บัญชีระบุพยานของโจทก์ คำเบิกความของพยานโจทก์ พยานเอกสารของโจทก์และคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ต่อมาวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๔๒ จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่โดยชอบหรือไม่ เห็นว่า จำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๑๑ บัญญัติให้กรรมการบริษัทต้องไปขอจดทะเบียนบริษัทโดยระบุรายการต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงที่ตั้งสำนักงานใหญ่และสาขาทั้งปวงของบริษัท และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๘ บัญญัติให้ถิ่นอันเป็นที่ตั้งสำนักงานดังกล่าวเป็นภูมิลำเนาของบริษัทนั้นด้วย หลังจากโจทก์ฟ้องคดีนี้ โจทก์แสดงหลักฐานตามหนังสือรับรองของนายทะเบียนสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร กรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ เอกสารหมาย จ.๔ ว่า จำเลยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ ๓๘๕/๑ ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ศาลชั้นต้นจึงสั่งให้ปิดหมายเรียก สำเนาคำฟ้องและคำบังคับที่บ้านเลขที่ดังกล่าว แม้พนักงานเดินหมายจะรายงานว่าบ้านเลขที่ดังกล่าวปิดใส่กุญแจ เมื่อสอบถามบุคคลที่อยู่บ้านข้างเคียงได้ความว่าบ้านเลขที่ดังกล่าวปิดอยู่นานแล้วและไม่มีผู้ใดรู้จักบริษัทจำเลย แต่ยังไม่ได้ความแน่ชัดว่าเป็นจริงตามนั้น จำเลยเองก็กล่าวในคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ว่ายังไม่ได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงที่อยู่ ดังนั้น ในเบื้องต้นต้องถือว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง รวมทั้งการส่งคำบังคับให้แก่จำเลยโดยวิธีปิดหมาย ณ บ้านเลขที่ดังกล่าวเป็นการปิดหมาย ณ ภูมิลำเนาของจำเลยจึงเป็นการส่งที่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยประสงค์จะขอให้พิจารณาใหม่ จะต้องยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลชั้นต้นภายใน ๑๕ วันนับแต่วันที่ส่งคำบังคับหรือวันที่การส่งคำบังคับมีผล ถ้าไม่สามารถยื่นคำขอภายในกำหนดดังกล่าวโดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ จำเลยจะต้องยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน ๑๕ วันนับแต่วันที่พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลง จำเลยอ้างในคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ว่า จำเลยย้ายไปจากภูมิลำเนาตามฟ้องไปอยู่ที่อื่นตั้งแต่ปี ๒๕๓๖ ซึ่งเป็นเวลาก่อนฟ้อง จำเลยจึงไม่ทราบว่าถูกฟ้อง อันเป็นการอ้างว่า ไม่อาจยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่การส่งคำบังคับให้จำเลยมีผลเพราะมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ แต่พฤติการณ์ดังกล่าวได้สิ้นสุดลงนับแต่วันที่จำเลยทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องคดีนี้คือ สิ้นสุดเมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๔๒ อันเป็นวันที่จำเลยยื่นคำแถลงขอถ่ายเอกสารต่าง ๆ ในสำนวน จำเลยจึงต้องยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๔๒ คือ ภายในวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๔๒ หากจำเลยมีความจำเป็นไม่สามารถยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนดดังกล่าวได้ จำเลยก็ชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอขยายระยะเวลายื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓ แต่จำเลยหาได้กระทำไม่ ดังนั้น การที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๔๒ จึงเป็นการยื่นคำร้องเมื่อพ้นระยะเวลาที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ วรรคหนึ่ง กำหนด คำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยจึงไม่ชอบ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.
นายสุรพล สนธยานนท์ ผู้ช่วยฯ
นางสาวสุดรัก สุขสว่าง ย่อ
นายไพโรจน์ โรจน์อภิรักษ์กุล ตรวจ
นายชัยรัตน์ เบ็ญจะมโน ผู้ช่วยฯ/ตรวจ