โจทก์ฟ้องว่า  โจทก์เป็นผู้ทรงเช็ค  จำนวนเงิน ๖๕,๐๐๐ บาท  โดยจำเลยที่ ๑ เป็นผู้สั่งจ่ายชำระหนี้ให้จำเลยที่ ๒  และจำเลยที่ ๒  สลักหลังเพื่อชำระหนี้ให้กับโจทก์  นายสุรกิจ   และนายสุรกิจได้นำมาชำระหนี้โจทก์ต่อ  โจทก์เรียกเก็บเงิน  แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่าย  อ้างว่าลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายไม่เหมือนตัวอย่างที่ให้ไว้  โจทก์ติดต่อทวงถามจำเลยทั้งสองแล้ว  จำเลยทั้งสองเพิกเฉย จำเลยต้องชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี  ตั้งแต่วันธนาคารปฏิเสธการจ่ายเป็นเงิน ๔,๘๗๕ บาท  ขอบังคับให้จำเลยทั้งสองชำระเงิน ๖๙,๘๗๕ บาท   พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน ๖๕,๐๐๐ บาท  ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า  ลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายเช็คไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่ ๑   จำเลยที่ ๑ มอบเช็คพิพาทที่ไม่มีข้อความใด ๆ ให้จำเลยที่ ๒ ยึดถือไว้เพื่อเป็นประกันตามสัญญาจ้างทำงาน  โจทก์กับผู้อื่นสมคบกันกรอกข้อความและปลอมลายมือชื่อของจำเลยที่ ๑ ลงในเช็ค   นายสุรกิจไม่ได้เป็นหนี้โจทก์  หากแต่อาศัยชื่อโจทก์เป็นผู้ฟ้อง    ส่วนจำเลยที่ ๒  ให้การว่า  จำเลยที่ ๒ ไม่มีหนี้สินกับนายสุรกิจ  จำเลยที่ ๒ ไม่ได้นำเช็คพิพาทชำระหนี้นายสุรกิจ  เช็คพิพาทของจำเลยที่ ๑ เป็นเช็คเปล่า ๆ ไม่มีข้อความ  จำเลยที่ ๒ ไม่ได้สลักหลังและลายมือชื่อจำเลยที่ ๒ ในเช็คนั้นปลอม  ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่าเช็คพิพาทจำเลยที่ ๑ มิได้เป็นผู้สั่งจ่าย  คงมีแต่จำเลยที่ ๒  เป็นผู้สลักหลัง  ซึ่งต้องรับผิดต่อโจทก์ตามจำนวนเงินในเช็คนั้น   พิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ชำระเงิน  ๖๕,๐๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี  นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒  ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า  จำเลยที่ ๒  เป็นผู้สลักหลังเช็คพิพาทมอบให้นายสุรกิจเพื่อชำระหนี้   แล้วนายสุรกิจนำเช็คนั้นไปแลกเงินสดจากโจทก์   โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ
วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า  เมื่อเช็คนำไปขอรับเงินไม่ได้  จำเลยที่ ๒ ในฐานะผู้สลักหลังเช็คซึ่งสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือจึงต้องรับผิดใช้เงินนั้นแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๐๐,  ๙๑๔,  ๙๒๑,  ๙๔๐  และมาตรา  ๙๘๙  ที่จำเลยที่ ๒  ฎีกาว่า  เมื่อจำเลยที่ ๑  ไม่ต้องรับผิดดังคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น  เพราะฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๑ เป็นผู้สั่งจ่าย  จึงไม่มีมูลหนี้ที่จำเลยที่ ๒ จะต้องรับผิดนั้น  เห็นว่าแม้จำเลยที่ ๑ จะไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คเพราะมิใช่เป็นผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คก็ตาม แต่เมื่อฟังได้ว่าจำเลยที่ ๒ เป็นผู้สลักหลังเช็คพิพาทซึ่งมีผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายไว้ดังกล่าวแล้ว  จำเลยที่ ๒ ก็ต้องรับผิดตามเนื้อความที่ระบุไว้ในเช็คพิพาทนั้น  หาใช่ไม่มีมูลหนี้ดังจำเลยอ้างไม่  ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยให้จำเลยที่ ๒ รับผิดต่อโจทก์นั้นชอบแล้ว
พิพากษายืน