โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้จัดการทรัพย์มรดกของนายเกษม ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๘๒
นายดำรงค์ ทายาทและผู้จัดการมรดกของนายเกษมไม่ยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีล้มละลายพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายพิจารณาแล้ว ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า นายเกษมลูกหนี้ที่ตายเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ เห็นว่า เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดสินบางกอกร้อยเอ็ดขนส่งเป็นหนี้ค่าภาษีอากรค้างชำระเป็นเงิน ๑๗๓,๑๓๙.๐๖ บาท นายเกษมเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจึงต้องร่วมรับผิดในหนี้ดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม แม้โจทก์มีหนังสือทวงถามให้นายเกษมชำระหนี้แล้วไม่น้อยกว่า ๒ ครั้ง ซึ่งมีระยะเวลาห่างกันไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน นายเกษมได้รับหนังสือแล้วไม่ชำระหนี้ มีพฤติการณ์เข้าข้อสันนิษฐานตามกฎหมายว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัวตามที่โจทก์อ้างก็ตาม แต่ข้อสันนิษฐานของกฎหมายดังกล่าวเป็นแต่เพียงเหตุหนึ่งที่กฎหมายให้อำนาจโจทก์ฟ้องขอให้จัดการทรัพย์มรดกของนายเกษมได้ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๘๒ เท่านั้น ส่วนการพิจารณาคดีล้มละลายตามฟ้องโจทก์นั้น พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๑๔ ให้ศาลพิจารณาเอาความจริงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐ และหากมีเหตุอื่นที่ไม่ควรให้ลูกหนี้ล้มละลาย ให้ศาลพิพากษายกฟ้องได้ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความจากพยานโจทก์ว่า โจทก์ได้รับทรัพย์มรดกของนายเกษมได้แก่รถบรรทุกและเงินฝากธนาคารจำนวน ๑,๐๗๔ บาท ชำระหนี้แล้ว เมื่อนำทรัพย์มรดก ๒ รายการ หักกลบกับหนี้ตามฟ้องแล้ว จะเหลือหนี้ค้างชำระเพียงจำนวนเล็กน้อยประมาณ ๑๐,๐๐๐ บาท เท่านั้น อีกทั้งไม่ปรากฏว่านายเกษมเป็นลูกหนี้บุคคลอื่นอีก รูปคดีจึงยังไม่พอฟังว่านายเกษมลูกหนี้ที่ตายเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวตามที่โจทก์ฟ้อง กรณีมีเหตุที่ไม่ควรให้จัดการทรัพย์มรดกของนายเกษมตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๘๒ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ .