ข้อเท็จจริงได้ความว่า ก.ผู้ตายมีนา ๓ แปลงแลทรัพย์อื่น ๆ ซึ่งควรจะได้แก่โจทก์จำเลยเท่านั้น  โจทก์ต้องการนาแปลงเดียว  จึงได้ตกลงทำหนังสือขึ้นฉบับหนึ่ง  แต่คู่สัญญาแลพะยานใช้พิมพ์ลายนิ้วมือ มีลงลายมือชื่อแต่ ข.คนเดียวเท่านั้นต่อมาจำเลยเข้าทำในที่นานั้นบ้าง  โจทก์จึงฟ้องขอให้ขับไล่จำเลย
ศาลจังหวัดเชียงใหม่ตัดสินว่าสัญญาที่โจทก์ฟ้องนี้ใช้ไม่ได้ตามกฎหมาย  เพราะไม่มีพะยานลงชื่อรับรอง ๒ คน  แลอีกประการหนึ่งสามีจำเลยไม่รู้เห็นด้วย  ตามประมวลแพ่ง ม.๓๘ ถือว่าเปนโมฆะ  ให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณเห็นว่าสัญญาแบ่งมฤดกไม่จำเปนต้องทำเปนเอกสารตาม ม.๙  เพราะทำกันเองก็ใช้ได้  แต่ไม่ปรากฎว่าจำเลยรุกที่ตรงไหน จึงตัดสินยกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า  เมื่อโจทก์จำเลยผู้ควรได้รับมฤดกยอมผ่อนผันให้แก่กันเช่นนี้  แสดงให้เห็นเจตนาว่าที่ทำหนังสือสัญญาก็เพื่อจะระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งซึ่งจะเกิดขึ้นภายน่าให้เสร็จไปดังนี้เรียกว่าเปนการปรานีปรานอมตาม ม.๘๕๐  เมื่อเปนเช่นนี้ตาม ม.๘๕๑  ต้องทำเปนเอกสาร แต่เอกสารที่โจทก์อ้างไม่มีพะยานลงชื่อ ๒ คน จึงใช้ไม่ได้ตาม ม.๙  โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยโดยอ้างสิทธิตามสัญญาฉบับนี้ได้  ให้ยกฟ้องโจทก์