โจทย์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภรรยานอกสมรสและเป็นบุตรอันชอบธรรมด้วย ก.ม.ของนายหรุ่น คุ้มพุ่ม จำเลยเป็นภรรยา และบุตรอันชอบด้วย ก.ม.แต่ได้หย่าขาดจากนายหรุ่นแล้วนายหรุ่นวายชนม์โดยมิได้ทำพินัยกรรม ที่สวนโฉนดที่ ๑๗๐๑ ของนายหรุ่นจึงเป็นมรดกได้แก่โจทก์ผู้เยาว์ ๓ คนกับจำเลย ขอให้แบ่งสวนโฉนดที่ ๑๗๐๑ ให้โจทก์ ๓ ส่วน
จำเลยให้การว่าผู้เยาว์โจทก์ทั้งสามไม่ได้เป็นบุตรชอบด้วย ก.ม.ของนายหรุ่นที่พิพาทนายโทจำเลยได้ยื่นขอรับมรดก เจ้าพนักงานได้โฆษณาตามระเบียนไม่มีใครโต้แย้ง จึงได้ถอนชื่อนายหรุ่นลงชื่อนายโทจำเลยลงในโฉนดแทนแล้ว และจำเลยตัดฟ้องอีกหลายประการ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าโจทก์เป็นบุตรรไม่ชอบด้วย ก.ม.ของนายหรุ่นนั้นไม่มีมรดกเหลือแล้ว จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ทั้ง ๓ เป็นบุตรที่บิดาได้รับรองแล้ว ตาม ป.พ.พ.ม. ๑๖๒๗ จึงมีสิทธิได้รับมรดกตาม ๑๕๓๓ พิพากษากลับให้แบ่งส่วนมรดกของนายหรุ่นให้โจทก์ ๓ ใน ๕ ส่วน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องโจทก์ระบุแต่ว่าโจทก์เป็นภรรยานอก ก.ม.และเป็นบุตรอันชอบด้วย ก.ม.ของนายหรุ่น ไม่มีข้อความที่จะให้เข้าใจว่าโจทก์ฟ้อว่าโจทก์เป็นบุตตรรไม่ชอบด้วย ก.ม.ซึ่งนายหรุ่นได้รับรองแล้ว การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่านายหรุ่นได้รับรองโจทก์ว่าเป็นบุตรทำให้มีสิทธิได้รับมรดกได้เช่นเดียวกับผู้สืบสันดานตาม ป.พ.พ.ม. ๑๖๒๗ จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น คำสั่งศาลที่ว่าโจทก์เป็นบุตรโดยชอบด้วย ก.ม. ของนายหรุ่นนั้นออกภายหลังเมื่อนายหรุ่นตายแล้ว ไม่มีทรัพย์มรดกของนายหรุ่นเหลืออยู่ เพราะทรัพย์มรดกย่อมตกได้แก่จำเลยซึ่งเป็นทายาททันทีที่นายหรุ่นตาย จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น