คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา ๓๒๖, ๓๒๘, ๘๓ และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน ๒๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนมูลฟ้อง วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๔๒ เวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา โดยส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้อง ให้จำเลยที่ ๑ ณ ภูมิลำเนาตามฟ้องด้วยวิธีปิดหมาย ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง จำเลยที่ ๑ ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นจึงไต่สวนพยานโจทก์ไปได้ ๑ ปาก จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ยังถามค้านไม่เสร็จขอเลื่อนคดีไปนัดไต่สวนมูลฟ้องใหม่ในวันที่ ๒๒ และ ๒๓ มีนาคม ๒๕๔๒ เวลา ๙ นาฬิกา และ ๑๓.๓๐ นาฬิกา ศาลชั้นต้นอนุญาต ก่อนถึงวันนัดดังกล่าว จำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องอ้างว่าการส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีปิดหมายไม่ชอบ ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ ๑ ใหม่ แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ต่อไป
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การส่งหมายนัดและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ ๑ ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งคดีอยู่ระหว่าง ทนายจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ถามค้าน จำเลยที่ ๑ มีโอกาสถามค้านพยานโจทก์ได้ จึงไม่มีเหตุเพิกถอนการไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๔๒ ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยที่ ๑
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เพิกถอนการไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๔๒ ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ ๑ เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน เพราะคดีจะต้องพิจารณาต่อไป จึงต้องห้ามอุทธรณ์ตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๑๙๖ ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ พิพากษายกอุทธรณ์ ของจำเลยที่ ๑ ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ ๑ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน .