โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 42 ข้อ 2(6), 5 และนับโทษต่อ จำเลยให้การปฏิเสธศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 42 ลงวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ข้อ 2และ ข้อ 5 จำคุก 6 เดือน ปรับ 5,000 บาท ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ให้ยกคำขอนับโทษต่อ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงได้ความว่า วันเกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยในฐานะผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา บรรณาธิการ และเจ้าของหนังสือพิมพ์ชื่อ "ทันข่าว" ได้พิมพ์และโฆษณาข้อความโดยพิมพ์พาดหัวหนังสือพิมพ์ประจำวันดังกล่าวว่า "ห่วงหลุด เสียเงินหมื่นเลือดไหลไม่หยุด เจ็บปวด ทรมาน" ภายในเนื้อข่าวเป็นเรื่องราวของนางวันทอง คำอาจ ซึ่งได้รับการใส่ห่วงยางเพื่อคุมกำเนิดแบบชั่วคราว จากโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ แต่เมื่อกลับมาบ้านแล้วรู้สึกเจ็บปวด เลือดไหลอยู่ 4 วัน เมื่อเลือดหยุดก็มีอาการปวดอยู่ ทางโรงพยาบาลอุตรดิตถ์แจ้งว่าถ้าจะเอาห่วงออกต้องจ่ายเงิน 300 บาท นางวันทองต้องไปผ่าตัดถึงโรงพยาบาลแพร่คริสเตียน จังหวัดแพร่ และต้องเสียเงินค่ารักษาถึง 14,000 บาทและศาลฎีกาฟังว่าข้อความตามข่าวหาใช่ความเท็จหรือมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงดังที่โจทก์ฎีกาไม่
คงมีปัญหาประการต่อมาว่า ข้อความที่จำเลยลงข่าวมีลักษณะที่อาจทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตกใจ หรือวิตกกังวลหรือเกิดความหวาดกลัว ตามคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 42 ข้อ 2(6) หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าความหมายของคำสั่งดังกล่าว หมายถึงข่าวคราวที่มีลักษณะอาจทำให้ประชาชนทั่วไปเกิดความตื่นตกใจ วิตกกังวลหรือเกิดความหวาดกลัว หาใช่ข่าวที่เพียงอาจทำให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือคนใดคนหนึ่งเกิดความตื่นตกใจหรือวิตกกังวลหรือหวาดกลัวดังเช่นที่อาจเกิดในคดีนี้ไม่ ซึ่งมีลักษณะเป็นข่าวอยู่ในวงเฉพาะของสตรีที่มีสามีแล้ว และอยู่ในวัยเจริญพันธุ์เท่านั้น และความตื่นตกใจวิตกกังวลหรือหวาดกลัวตามความหมายของคำสั่งฉบับนี้ก็น่าจะมุ่งหมายทำนองเดียวกับความรู้สึกต่อข่าวคราวซึ่งอาจก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยของบ้านเมืองมากกว่า ดังจะเห็นได้จากข้อความต่อไปของ ข้อ 2(6) ที่ว่า "หรือข้อความในลักษณะซึ่งเป็นการปลุกปั่นหรือยุยงให้เกิดความไม่สงบหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือข้อความทำนายในทางที่อาจก่อให้เกิดความวิตกกังวลแก่ประชาชนในโชคชะตาของบ้านเมือง" หาใช่ข่าวเกี่ยวกับการใส่ห่วงดังเช่นคดีนี้ไม่ นอกจากนี้ข้อเท็จจริงยังปรากฏด้วยว่า บรรดาสตรีที่จะทำการใส่ห่วงเพื่อคุมกำเนิดหาได้มีความรู้สึกต่อข่าวดังกล่าวไม่ ดังจะเห็นได้จากข่าวสารแจกสื่อมวลชนของสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งแจ้งข่าวว่า เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2528ได้มีการรณรงค์ วางแผนครอบครัวของจังหวัดอุตรดิตถ์ ปรากฏว่ามีสตรีวัยเจริญพันธุ์ที่สมรสแล้ว ของจังหวัดอุตรดิตถ์มาเข้ารับบริการใส่ห่วงอนามัยถึง 11,100 ราย ปรากฏตามเอกสารหมาย ล.2 กรณีของจำเลยจึงหาเป็นความผิดดังโจทก์ฎีกาไม่ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว"
พิพากษายืน