โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองเสนอจะให้โจทก์เช่าที่ดินซึ่งจำเลยกำลังฟ้องขับไล่ผู้เช่าเดิมออก โจทก์ตกลงรับเช่าจากจำเลย 10 ปี เมื่อเสร็จคดีจำเลยจะเรียกโจทก์ไปทำสัญญาเช่าทันที จำเลยได้รับมัดจำเป็นเงินสดจากโจทก์ 2,000 บาท และเป็นเช็คอีก 2,000 บาท โจทก์ได้เข้าครอบครองที่ดินที่ตกลงเช่า ต่อมาเมื่อจำเลยฟ้องขับไล่ผู้เช่าเดิมเสร็จคดีแล้ว กลับผิดสัญญาไม่ยอมทำจดทะเบียนการเช่าให้โจทก์ จึงขอให้ศาลบังคับใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธต่อสู้คดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายและค่าทำรั้วให้โจทก์ 4,550 บาทและคืนเช็คให้โจทก์ ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2
โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การเรียกร้องเอาค่าเสียหายนั้น ได้แก่เรียกค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหาย เช่นตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การไม่ชำระหนี้นั้น แต่ความเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษเช่นที่โจทก์ได้มีส่วนเพิ่มเติมเสริมต่อจึงเกิดเป็นความเสียหายขึ้นแล้วโจทก์จะเรียกเอาได้ก็ต่อเมื่อจำเลยที่ 1 ได้คาดเห็นหรือควรจะได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้ามาก่อนแล้ว ฉะนั้นค่าเสียหายที่โจทก์อ้างว่า ถูกนายลิ่วเคยปรับ 40,000 บาท โดยโจทก์ไม่สามารถเซ้งที่ดินและบ้านเดิมให้นายลิ่วเคยได้นั้น เมื่อจำเลยปฏิเสธว่าจำเลยมิได้รู้เห็นในการที่โจทก์ทำสัญญากับนายลิ่วเคยและโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าจำเลยได้คาดเห็นหรือควรจะได้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นและเมื่อค่าปรับที่โจทก์อ้างเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะโจทก์ไปทำสัญญาไว้กับนายลิ่วเคย หาใช่เป็นความเสียหายเช่นที่ตามปกติย่อมเกิดขึ้นแต่การที่จำเลยไม่ชำระหนี้ตามสัญญา ฉะนั้น ไม่ว่าโจทก์จะถูกนายลิ่วเคยปรับจริงดังที่โจทก์กล่าวอ้างหรือไม่ โจทก์ก็จะเรียกค่าสินไหมทดแทนรายนี้มิได้
ส่วนกรณีค่าเสียหายที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ได้ทำรั้วลงในที่ดินที่จำเลยที่ 1 สัญญาว่าจะให้โจทก์เช่าเป็นเงิน 4,550 บาทนั้น ข้อนี้จำเลยที่ 1 ได้ให้การว่าโจทก์ขอทำรั้วในที่ดินที่จะให้เช่าก่อนทำหนังสือและจดทะเบียนเช่า จำเลยที่ 1 ก็ยินยอมตามที่โจทก์ขอร้องย่อมถือได้ว่าเป็นความเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พิเศษ เมื่อจำเลยได้คาดเห็นหรือควรจะได้คาดเห็นพฤติการณ์ล่วงหน้าก่อนแล้วว่าถ้าจำเลยไม่ยอมให้โจทก์เช่าที่ดินตามสัญญา โจทก์ย่อมเสียหายค่าทำรั้วไป ฉะนั้น โจทก์ย่อมเรียกเอาค่าเสียหายนี้ได้
พิพากษายืน