คดีนี้ ศาลแพ่งพิพากษาให้บริษัทอุดมจำกัด จำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงได้แจ้งให้ผู้ร้องชำระเงินค่ากระดาษที่ได้ซื้อเชื่อไปจากบริษัทอุดมจำกัด ผู้ล้มละลายเป็นเงิน30,974 บาท ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าไม่ได้มีหนี้สิน หรือถ้าหากจะมีก็ขาดอายุความ
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แถลงยืนยันว่าผู้ร้องเป็นหนี้บริษัทอุดมจำกัดผู้ล้มละลายและหนี้สินรายนี้ยังไม่ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า กิจการโรงพิมพ์ของผู้ร้องเป็นการประกอบอุตสาหกรรม ผู้ร้องเป็นหนี้บริษัทอุดมจำกัดผู้ล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกร้องให้ผู้ร้องชำระหนี้เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2503 อายุความจึงสะดุดหยุดลงหนี้ทั้งหมดยังไม่ขาดอายุความมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ให้ผู้ร้องชำระเงินให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทอุดมจำกัด ผู้ล้มละลาย 30,974 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คำว่า "อุตสาหกรรม" ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) ตอนท้ายนี้ หมายถึงกิจการที่มีการประดิษฐ์สิ่งของขึ้นเพื่อให้เป็นสินค้า ดังที่พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2493 ให้คำนิยามไว้ว่า อุตสาหกรรม น. การทำสิ่งของเพื่อให้เป็นสินค้า ตามข้อเท็จจริงฟังได้ว่าผู้ร้องซื้อเชื่อกระดาษจากบริษัทอุดมจำกัด ผู้ล้มละลายเพื่อเอามาพิมพ์เป็นหนังสือสำหรับจำหน่ายเป็นสินค้า การซื้อกระดาษเพื่อเอามาจัดการประดิษฐ์เป็นหนังสือขึ้นเพื่อให้เป็นสินค้าเช่นนี้ เป็นการที่ได้ทำเพื่ออุตสาหกรรมของฝ่ายลูกหนี้คือผู้ร้องต้องตามความที่บัญญัติยกเว้นไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(1) นั้นแล้ว
ข้อโต้แย้งของผู้ร้องที่ว่าผู้ร้องมิใช่เป็นเจ้าของสินค้าที่ผู้ร้องประดิษฐ์ขึ้น เพราะผู้ร้องไม่ได้ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อขายเอากำไรเป็นของผู้ร้องเองต่อไป หากแต่ผู้อื่นเป็นเจ้าของ ผู้ร้องได้รับเพียงผลประโยชน์อันเป็นค่าจ้างแรงงานเท่านั้น ย่อมนำเอาข้อยกเว้นกำหนดอายุความ 2 ปี ตามมาตรา 165(1) ตอนท้ายมาใช้ปรับแก่คดีนี้ไม่ได้นั้น ฟังไม่ขึ้น ศาลฎีกาเห็นว่าผู้ประกอบอุตสาหกรรมไม่จำต้องเป็นผู้ประดิษฐ์สิ่งของขึ้นจำหน่ายเป็นของตนเอง เพียงแต่รับจ้างเขาประดิษฐ์สิ่งของให้เป็นสินค้าขึ้น ก็เป็นการที่ได้ประกอบอุตสาหกรรมของตนแล้ว
ข้อที่ผู้ร้องฎีกาต่อไปว่า อายุความมิได้สะดุดหยุดลงในวันที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เรียกร้องให้ผู้ร้องชำระหนี้ที่ผู้ร้องเป็นลูกหนี้ผู้ล้มละลายเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2503 แต่เริ่มสะดุดหยุดลงในวันที่ 13 มิถุนายน 2503 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ร้องคัดค้านต่อศาล จึงเป็นเวลาเกิน 5 ปี หนี้สินขาดอายุความนั้นศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่า อายุความตามสิทธิเรียกร้องให้ผู้ร้องชำระหนี้ซึ่งในกรณีนี้ก็คือวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2503 ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 178 ดังที่ศาลนี้ได้วินิจฉัยไว้แล้วในคำพิพากษาฎีกาที่ 311/2506 หนี้สินที่ผู้ร้องรับกระดาษไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2497 และที่ผู้ร้องรับกระดาษไปเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2498 จึงยังไม่ขาดอายุความ 5 ปี
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ผู้ร้องชำระเงินให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทอุดมจำกัดผู้ล้มละลาย 24,255 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2503 ซึ่งเป็นวันที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหนังสือแจ้งให้ผู้ร้องชำระหนี้