ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ ๑ ตั้งร้านกาแฟ,ผลไม้ และเครื่องดื่มที่ภูเก็ต ต่อมาตั้งร้านกาแฟสาขาอีกร้านหนึ่ง จำเลยที่ ๓ เปนเจ้าของสำนักงานจัดหาหยู่กรุงเทพ ฯ ร้านกาแฟของจำเลยที่ ๑ ใช้หยิงมากสำหรับยกกาแฟและเครื่องดื่มไปให้ผู้รับประทาน ในร้านนั้นมีต้องพิเสสจะต้องเสียเงินเพิ่มพิเสสเปนรายชั่วโมง และต้องเสียค่ากาแฟแก่หยิงรับใช้อีกถ้วยละ ๑๐ สตางค์ ในห้องพิเสสขายจะกอดจูบถูกต้องตัวหยิงรับใช้ก็ได้ เมื่อพาไปร่วมประเวนีที่อื่นหยิงต้องให้เงินแก่จำเลยที่ ๑ ครั้งละ ๕ บาท ค่าร่วมประเวนีแล้วแต่ขายหยิงจะตกลงกันเอง ครั้งสุดท้ายจำเลยที่ ๑ มารับหยิง ๑๕ คนจากจำเลยที่ ๓ ไปภูเก็ต พอถึงทุ่งสง ก็ถูกตำหรวดจับสอบสวน
สาลอุทธรณ์พิพากสาแก้สาลชั้นต้นให้ลงโทสจำเลยที่ ๑ ถานจัดหาหยิงเพื่อสำเหร็ดความใคร่ของผู้อื่น ตาม ก.ม.อาญา มาตรา ๓๔๑ และตาม พ.ร.บ.สัญจรโรคมาตรา๖,๒๖
จำเลยที่ ๑ ดีกา สาลดีกาวินิจฉัยว่าในข้อหาถานตั้งโรงหยิงนครโสเภานีเถื่อน สาลดีกาเห็นพ้องด้วยสาลอุทธรณ์เพราะจำเลยที่ ๑ เอาเงินจากหยิง ๕ บาทเสมือนเปนค่าส่วนแบ่งค่าร่วมประเวนี ส่วนจะไปร่วมประเวนีที่ไหนไม่สำคัน เพราะขายหยิงตกลงกันที่ร้านกาแฟของจำเลยก่อนแล้ว ส่วนข้อหาถานจัดหาหรือพาหยิงไปเพื่อสำเหร็ดความใคร่ของผู้อื่นได้ความว่าจำเลยจัดหาหยิงไปเพื่อค้าขายดี จำเลยไม่ได้ตั้งใจจัดไปเพื่อสำเหร็ดความใคร่ตามมาตรา ๒๔๑ จึงไม่มีผิดตามมาตรานี้ ส่วนขายหยิงจะไปร่วมประเวนีกัน ก็โดยมีตกลงระหว่างกันเองต่างหาก จีงพิพากสาแก้สาลอุทธรณ์ให้ยกข้อหาตามมาตรา ๒๔๑