โจทก์ฟ้องว่า เมื่อประมาณ ๘-๙ ปีมานี้โจทก์กับนางกีภรรยาได้ตกลงซื้อที่ดินโฉนดที่ ๕๖๑๕ ของนางเชยราคา ๑๕๐๐ บาท กับเรือนซึ่งปลูกในที่ดิน ๒ หลังราคา ๙๐๐ บาท ได้ชำระค่าเรือนให้นางเชยแล้ว ส่วนที่ดินยังไม่มีเงินชำระ จึ่งทำหนังสือกู้เงินราคาที่ดินให้นางเชยไว้มีเงินชำระเมื่อใด นางเชยจะทำโอนให้ถูกต้องแล้วนางเชยได้มอบที่ดินให้ยึดคือครอบครองที่ดินแต่นั้นมาส่วนเรือนได้มอบให้เป็นกรรม สิทธิแล้ว โจทก์กับนางกีได้อยู่ในบ้านเรือนและทำกินต่อมา จำเลยซึ่งเป็นหลานนางกีได้อาศัยอยู่ด้วย ต่อมานางกีตายโจทก์ถือโฉนดสำหรับที่ดินนั้นไว้ แล้วทราบว่าเมื่อนางกียังมีชีวิตอยู่ นางกีได้เอาเงินสินบริคณห์ของโจทก์กับนางกีให้จำเลยไปชำระราคาที่ดินให้นางเชย ๑๕๐๐ บาท แล้วให้จำเลยลงชื่อเป็นผู้รับซื้อที่ดินจากนางเชย ทำนิติกรรมซื้อขายโอนโฉนดแก้ทะเบียนลงชื่อจำเลยเสร็จแล้ว ทั้งนี้โดยนางกีหาได้รับอนุญาตหรือความยินยอมจากโจทก์ ผู้เป็นสามีไม่โจทก์จึงบอกล้างการกระทำของนางกี และนิติกรรมซื้อขายและฟ้องขอให้เพิกถอนทำลายนิติกรรมซื้อขายที่ดินและให้ลงชื่อโจทก์เป็นผู้ซื้อต่อไป
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขาย และให้ลงชื่อโจทก์แทน กับขับไล่จำเลย
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์บอกล้างการกระทำของนางกี นับจากวันรู้ความจริง เกิน ๑ ปีแล้ว จึ่งพิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาว่าได้บอกล้างภายในเวลา ๑ ปี
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีมีข้อวินิจฉัยฉะเพาะข้อที่โจทก์คัดค้านว่าได้บอกล้างนิติกรรมภายในเวลา ๑ ปีหรือไม่เท่านั้น วินิจฉัยฟังข้อเท็จจริง ว่าโจทก์บอกล้างเกินกว่า ๑ ปีแล้ว จึ่งพิพากษายืน