ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องขอให้ศาลพิพากษาบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการของสภาอนุญาโตตุลาการด้านเศรษฐกิจและพาณิชย์ระหว่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่มีคำชี้ขาดเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2552 ให้ผู้คัดค้านชำระต้นเงินค่าสินค้าให้แก่ผู้ร้องจำนวน 551,756.29 ดอลลาร์สหรัฐ โดยคำนวณด้วยอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2552 (วันที่อนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาด) ในอัตราแลกเปลี่ยน 34.63 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ คิดคำนวณเป็นเงินบาทได้เป็นเงินจำนวน 19,063,179.81 บาท ให้ผู้คัดค้านชำระค่าเสียหายจากอัตราแลกเปลี่ยนและดอกเบี้ยที่เกิดจากการชำระหนี้ล่าช้า เงินชดเชยค่าทนายความ ค่าเดินทาง ค่าที่พักที่เกิดขึ้นจากการเดินทางไปประเทศไทยเพื่อทวงถามค่าสินค้า ค่าธรรมเนียมของอนุญาโตตุลาการ รวมเป็นเงินที่ผู้คัดค้านต้องชำระให้แก่ผู้ร้องจำนวน 955,228.74 หยวน โดยคำนวณด้วยอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2552 (วันที่อนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาด) ในอัตราแลกเปลี่ยน 5.45 บาท ต่อ 1 หยวน คิดคำนวณเป็นเงินบาทได้เป็นเงินจำนวน 5,205,996.63 บาท รวมยอดเงินที่อนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดให้ผู้คัดค้านต้องชำระให้แก่ผู้ร้องเป็นเงินทั้งสิ้น 24,269,176.44 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันครบกำหนดชำระหนี้ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ (ครบกำหนดชำระหนี้ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการในวันที่ 6 มิถุนายน 2552) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง ดอกเบี้ยคิดถึงวันยื่นคำร้องเป็นระยะเวลา 1,079 วันเป็นเงิน 5,380,775.61 บาท
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านและขอให้ยกคำร้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการโดยให้ผู้คัดค้านชำระเงินแก่ผู้ร้อง ดังนี้
(1) เงินจำนวน 551,756.29 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2552 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง
(2) เงินจำนวน 955,228.74 หยวน พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2552 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง
ให้ผู้คัดค้านใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้ร้อง โดยกำหนดค่าทนายความให้ 40,000 บาท
ผู้คัดค้านอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า ผู้ร้องได้ยื่นข้อเรียกร้องให้คณะอนุญาโตตุลาการสภาอนุญาโตตุลาการด้านเศรษฐกิจและพาณิชย์ระหว่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ชี้ขาดข้อพิพาทตามสัญญาซื้อขายเส้นเหล็กกล้าระหว่างผู้ร้องกับผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านขาดนัดยื่นคำคัดค้านและขาดนัดพิจารณาในชั้นอนุญาโตตุลาการ คณะอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาด เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2552 ให้ผู้คัดค้านชำระหนี้ค่าสินค้า 551,756.29 ดอลลาร์สหรัฐ ค่าเสียหายจากอัตราแลกเปลี่ยน 377,015 หยวน ดอกเบี้ยกรณีชำระหนี้ล่าช้า (อัตราร้อยละ 7.02 ต่อปี) 264,625.85 หยวน ค่าทนายความ 146,111 หยวน ค่าเดินทางและที่พัก 32,399.89 หยวน และค่าธรรมเนียมอนุญาโตตุลาการ 135,077 หยวน แก่ผู้ร้อง
ปัญหาตามอุทธรณ์ของผู้คัดค้านที่ว่า การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้ผู้คัดค้านชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2552 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ทั้งที่คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการไม่ได้บังคับเรื่องดอกเบี้ยในส่วนนี้ไว้ และยังเป็นการคิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยอีกด้วย จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า แม้หนี้ตามสัญญาซื้อขายที่มีคำชี้ขาดนี้จะเป็นหนี้เงิน ซึ่งกฎหมายให้คิดดอกเบี้ยได้นับแต่วันที่ผิดนัด แต่คำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการก็ต้องเป็นไปตามข้อเรียกร้องและคำขอที่ให้ชี้ขาดในเรื่องนั้นๆ ซึ่งตามข้อเรียกร้องของผู้ร้องมิได้มีคำขอดอกเบี้ยหลังวันชี้ขาดด้วย และอนุญาโตตุลาการก็ชี้ขาดดอกเบี้ยเฉพาะตามที่ขอ เมื่อผู้ร้องมาขอบังคับตามคำชี้ขาด ผู้ร้องจึงไม่อาจขอให้บังคับเกินไปกว่าคำชี้ขาดนั้นได้ ดังนั้น แม้ผู้ร้องจะมีคำขอดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันร้องขอเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จมาท้ายคำร้อง ก็เป็นการขอบังคับเกินไปกว่าคำชี้ขาดที่กำหนดสถานะความรับผิดของผู้คัดค้านจากการผิดสัญญาซื้อขายไว้โดยเฉพาะแล้ว และตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 นั้น ศาลไม่อาจมีคำพิพากษาบังคับเกินคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการได้ อุทธรณ์ของผู้คัดค้านข้อนี้ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ผู้คัดค้านชำระเฉพาะเงิน 551,756.29 ดอลลาร์สหรัฐ และ 955,228.74 หยวน แก่ผู้ร้อง โดยไม่ต้องชำระดอกเบี้ยของเงินทั้งสองจำนวน ในกรณีที่จะชำระเป็นเงินบาท ให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยน ณ สถานที่และในเวลาที่ใช้เงิน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ให้ผู้คัดค้านใช้ค่าทนายความแทนผู้ร้อง 50,000 บาท