ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยได้ว่าจ้างรถยนตร์โจทก์ไปคนละคันเป็นค่าจ้างคันละ ๕๐ บาท เพื่อให้พระยาวิทูร ฯ ไปประชุมราษฎรตามตำบลต่าง ๆ ภายในเขตต์อำเภอบ้านไร่ มีกำหนด ๓ วัน ๒ คืน แล้วพากลับมายังสะแกกรัง จังหวัดอุทัยธานี โจทก์นำรถยนตร์มารับพระยาวิทูร ฯ กับพวกเดินทางไปยังอำเภอบ้านไร่ ค้างคืนหนึ่งรุ่งขึ้นมีประชุมราษฎรที่อำเภอ แล้วพระยาวิทูร ฯ จะไปประชุมราษฎรที่บ้านทองหลาง โจทก์ไม่ยอมไปอ้างว่าไม่มีน้ำมัน พระยาวิทูร ฯ จึงสั่งให้กลับสะแกกรังวันนั้น ไม่ได้ไปประชุมราษฎรตำบลอื่นความจริงน้ำมันของโจทก์หาหมดไม่
ศาลชั้นต้นเห็นว่าสัญญาจ้างรายนี้ เป็นสัญญาจ้างแรงงาน โจทก์มีสิทธิที่จะเรียกค่าจ้างได้ตามส่วน พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าจ้างรถยนตร์โจทก์คันละ ๔๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าสัญญาจ้างรายนี้เป็นการจ้างเหมาโดยถือเอาการเดินทางและเวลารวมกันทั้งสองอย่าง จึงเป็นสัญญาจ้างทำของ เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์ก็ไม่มีสิทธิจะฟ้องเรียกค่าจ้างจากจำเลยตามสัญญาได้ จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาฟังว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าจ้าง จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์