คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนโอนขายที่ดินตามสัญญาเช่าซื้อให้แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ยื่นอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินภายใน7 วัน นับแต่วันที่ 10 กันยายน 2533 ครั้นถึงวันที่ 17 กันยายน2533 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดระยะเวลาดังกล่าว โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินออกไปอีก 30 วัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องและมีคำสั่งในคำฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ว่า โจทก์มิได้วางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุธรณ์ภายในกำหนดที่ศาลขยายระยะเวลา จึงไม่รับอุทธรณ์โจทก์
โจทก์อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ เห็นว่า โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์200 บาท แต่เสียมาเพียง 40 บาท ยังขาดอีก 160 บาท และศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาลเพิ่มให้ครบ โจทก์ทราบคำสั่งโดยชอบแล้วเพิกเฉยไม่นำค่าขึ้นศาลดังกล่าวมาชำระภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ประกอบมาตรา 246 จึงให้จำหน่ายคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้โจทก์วางเงินดังกล่าวภายในวันเวลานัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คือวันที่ 24พฤษภาคม 2534 เวลา 9 นาฬิกา ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2534พนักงานเดินหมายนำหมายนัดไปส่งให้แก่โจทก์ ที่บ้านเลขที่ 642/1ถนนจรัญสนิทวงศ์ ซอย 40 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานครอันเป็นภูมิลำเนาของทนายโจทก์ตามที่ระบุไว้ในใบแต่งทนาย พบว่าบ้านปิดใส่กุญแจ จึงปิดหมายไว้ตามคำสั่งศาลชั้นต้น ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 วรรคสอง การส่งหมายดังกล่าวมีผลใช้ได้ต่อเมื่อกำหนดเวลาสิบห้าวันได้ล่วงพ้นไปแล้วกรณีจึงถือได้ว่าโจทก์ได้ทราบหมายนัดโดยชอบเมื่อวันที่ 20พฤษภาคม 2534 แล้ว เมื่อโจทก์ไม่นำค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์มาชำระภายในเวลาตามที่ศาลกำหนดดังกล่าวจึงเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ประกอบด้วยมาตรา 246 ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งจำหน่ายคดีจึงชอบแล้ว..."
พิพากษายืน.