โจทก์ฟ้องว่ามีผู้ร้ายลักทรัพย์รวมราคา ๒๑ บาท ๕๐ สตางค์ ของนายบุญโชคไป เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมของกลางรวมราคา ๑๔ บาท ๕๐ สตางค์ ของเจ้าทรัพย์ ขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์หรือรับของโจร และขอให้เพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบ ลงโทษกักกัน และสั่งคืนของกลางแก่เจ้าทรัพย์และให้จำเลยคืนหรือใช่ราคาทรัพย์ ๗ บาทด้วย จำเลยให้การรับว่าได้กระทำผิดฐานรับของโจร และเคยต้องโทษ โทษจำคุกครั้งหลังยังไม่ครบได้หลบหนี แล้วมาต้องคดีนี้
ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกและโทษกักกันมาแล้ว แต่ได้หลบหนีไปในระหว่างต้องโทษคดีแดง ๒๔๖/๒๔๘๘ แล้วมากระทำผิดเรื่องนี้ ภายหลังพ้นโทษครั้งที่ ๔ ไปยังไม่เกิน ๓ ปี แต่จะเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบอีกไม่ได้ เพราะจำเลยยังไม่พ้นโทษคดีแดง ๒๔๖/๒๔๘๘ และโทษกักกันในคดีนั้นจำเลยยังไม่ได้รับ ควรระงับโทษกักกันในคดีนี้ไว้ พิพากษาลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๒๑ ให้จำคุก ๒ ปี ลดฐานรับสารภาพกึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๑ ปี นับโทษต่อจากคดีแดง ๒๔๖/๒๔๘๘ ของกลางคืน และให้จำเลยใช้เงินที่ยังขาดแก่เจ้าทรัพย์
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยทำผิดครั้งนี้ยังไม่พ้นโทษตามคดีแดง ๒๔๖/๒๔๘๘ ก็ดี แต่จำเลยพ้นโทษครั้งที่ ๔ ไปแล้วยังไม่เกิน ๓ ปี จึงเพิ่มโทษตามมาตรา ๗๓ ได้ พิพากษาแก้ให้เพิ่มโทษตามมาตรา ๗๓ อีกกึ่งหนึ่ง รวมโทษจำคุก ๑ ปี ๖ เดือน นอกนี้ยืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลอุทธรณ์ถือเอาการพ้นโทษครั้งที่ ๔ มาเป็นเกณฑ์เพิ่มโทษจำเลยชอบแล้ว คดีต้องเพิ่มโทษตามมาตรา ๗๓ กึ่งหนึ่ง เมื่อลดโทษฐานปราณีตามมาตรา ๕๙ ลงกึ่งหนึ่ง โทษเพิ่มและลดมีกำหนดเสมอกัน ต้องหักกลบลบกันไปตามมาตรา ๓๙ แต่ที่ศาลล่างให้จำเลยใช้เงินที่ยังขาดแก่เจ้าทรัพย์นั้นไม่ชอบ เพราะจำเลยให้การรับสารภาพเพียงว่าได้รับของโจรไว้จริง แต่ไม่ได้ลักทรัพย์ตามที่โจทก์ฟ้อง การพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์จึงเกินคำรับของจำเลย
พิพากษาแก้ว่า โทษเพิ่มและลดของจำเลยมีกำหนดเสมอกัน หักกลบลบกันไป ให้จำคุกจะเลย ๒ ปี คำขอที่ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ให้ยกเสีย นอกนั้นคงยืน