โจทก์ฟ้องว่า  จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินของจำเลยครึ่งหนึ่งแก่โจทก์เป็นเงิน  ๘๘๐  บาท  โดยจำเลยตกลงขอรับเงินราคาที่ดินส่วนหนึ่งเป็นเงิน  ๗๔๐  บาท  และได้ทำเป็นการกู้กันไว้จะชำระเงินอีก  ๑๔๐  บาท  ให้จำเลยในวันที่จำเลยจัดการโอนกรรมสิทธิที่ดินให้โจทก์  บัดนี้จำเลยเพิกเฉยเสีย  จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยให้โอนที่ให้โจทก์ตามสัญญา
ศาลชั้นต้นพิพากษายอฟ้องและให้โจทก์รับชำระหนี้  ๗๔๐  บาท  จากจำเลยตามฟ้องแย้งของจำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยขายที่ดินให้แก่โจทก์ตามสัญญา  ฯลฯ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจประชุมปรึกษาแล้ว  ตามกรมธรรม์สัญญาระหว่างโจทก์จำเลย  มีว่า
"ข้อ  ๑  ผู้กู้ยืมได้ยืมเงินไปจากผู้ให้กู้ยืมเป็นจำนวนเงิน  ๗๔๐  บาท  และผู้กู้ยืมได้รับเงินจำนวนนี้ไปครบถ้วนแต่วันทำหนังสือสัญญา
ข้อ  ๒  ผู้กู้ยืมตกลงว่าจะใช้ต้นเงินให้แก่ผู้ให้กู้ยืมในวันที่  ๒๐  กรกฎาคม  พ.ศ. ๒๔๙๑  หรือภายใน  ๖  ปีนับแต่วันทำหนังสือสัญญานี้เป็นต้นไป
ข้อ  ๔  ........ที่ผู้กู้ยืมได้นำมาเป็นประกันแก่ผู้ให้กู้ยืมนั้น......  ผู้กู้ยืมมีความประสงค์จะแบ่งขายให้แก่ผู้ให้กู้ยืมครึ่งหนึ่ง  ฯลฯ
ข้อ  ๕  เมื่อครบกำหนดสัญญาตามข้อ  ๒  ผู้กู้ยิมยังมิได้จัดการโอนที่ดินแปลงนี้ให้เป็นกรรมสิทธิของผู้ให้กู้ยืม  ผู้กู้ยืมจะต้องชำระเงินกู้ที่กู้ยิมไปแก่ผู้ให้กู้ยิมจนหมดสิ้นหรือจะตกลงกันได้แล้วแต่กรณี  ที่ดินที่ผู้กู้ยืมแบ่งขายให้แก่ผู้ให้กู้ยืมนี้  จะขายเป็นราคาทั้งสิน  ๘๘๐  บาท  ในวันนี้ได้รับแล้ว  ๗๔๐ บาท   ยังคงเหลืออีก  ๑๔๐  บาท  ผู้ให้กู้ยืมจะชำระเมื่อได้โอนที่ดินกันเรียบร้อยแล้วภายในกำหนดสัญญา  ถ้าหากผู้กู้ยืมสามารถที่จะจัดการโอนกรรมสิทธิที่ดินให้ได้ในเวลาใดก็ดี  และเมื่อได้ประพฤติตามสัญญากู้นี้ถูกต้องแล้ว  สัญญานี้เป็นอันหมดอายุโดยมิต้องคำนึงถึงอายุสัญญาตามข้อ  ๒"
ตามข้อสัญญาดังกล่าวนี้  สาระสำคัญอยู่ที่การกู้เงินกัน  แม้จำเลยจะได้มอบที่ดินให้โจทก์เข้าครอบครองก็เป็นการทำกินต่างดอกเบี้ย  แต่มีเงื่อนไขตามข้อ  ๔,  ๕  ว่าถ้าจำเลยประสงค์จะขายให้แก่โจทก์ภายใน  ๖  ปี  โจทก์ยินยอมรับซื้อเป็นราคา  ๘๘๐  บาท  และจะชำระเงินที่ยังขาดอีก  ๑๔๐  บาท  เมื่อทำการโอนที่ดินกัน  ถ้าพ้นกำหนด  ๖  ปีแล้ว  จำเลยต้องชำระเงินกู้ให้โจทก์จนครบถ้วน  หรือมิฉะนั้นก็ต้องมีการตกลงกันใหม่  ไม่ใช่บังคับว่าจำเลยจะต้องขายให้โจทก์เช่นสัญญาจะซื้อขายธรรมดา
โจทก์ฟ้องคดีนี้เกินกำหนด  ๖  ปีแล้ว  ไม่มีทางจะเอาที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิได้
จึงพิพากษากลับศาลอุทธรณ์ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น