ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์: อำนาจหน้าที่และขอบเขตการฟ้องร้อง
จำเลยฎีกาว่ามิได้เบียดบังเงินค่าภาษีบำรุงท้องที่ตามใบเสร็จรับเงินรวม 3 กระทงนั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและความผิดทั้งสามกระทงดังกล่าว ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยกระทงละไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก หนังสือของอธิบดีกรมการปกครองถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดมีข้อความระบุว่า ไม่ควรให้พนักงานบัญชีมาทำหน้าที่จัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่เพราะพนักงานบัญชีมีหน้าที่รับเงินภาษีบำรุงท้องที่ที่เก็บได้ตามคู่ฉบับใบเสร็จรับเงินเพื่อลงบัญชีอยู่แล้วเช่นนี้ มิใช่ระเบียบหรือคำสั่งให้ต้องปฏิบัติตาม เป็นเพียงการซักซ้อมความเข้าใจในทางปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่เท่านั้น ดังนั้น จำเลยจึงไม่อาจอ้างว่าจำเลยเป็นพนักงานบัญชีไม่มีหน้าที่จัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ตามหนังสือของอธิบดีกรมการปกครองฉบับนี้ได้ การที่จำเลยมีหน้าที่รับเงินจากลูกจ้างชั่วคราวที่ทำหน้าที่รับเงินภาษีบำรุงท้องที่ที่หมวดการคลัง เมื่อรับเงินแล้วก็ต้องมีหน้าที่ลงบัญชีด้วย ถือได้ว่าจำเลยมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 แล้ว ตามคำฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายแต่เพียงว่า จำเลยมีหน้าที่เก็บเงินค่าภาษีบำรุงท้องที่จากประชาชนเท่านั้น หากแต่โจทก์ได้บรรยายฟ้องด้วยว่าจำเลยมีหน้าที่ออกใบเสร็จรับเงินแก่ผู้ชำระเงินค่าภาษีบำรุงท้องที่ ลงบัญชีเงินสดและบัญชีแยกประเภท และต้องนำเงินค่าภาษีบำรุงท้องที่ที่จัดเก็บได้ในแต่ละวันไปฝากธนาคารตามระเบียบ สาระสำคัญของคำฟ้องจึงอยู่ที่ว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 เท่านั้น ดังนั้นแม้ทางพิจารณาโจทก์กลับนำสืบว่าจำเลยไม่มีหน้าที่เก็บเงินค่าภาษีบำรุงท้องที่จากประชาชน หน้าที่ดังกล่าวเป็นของหัวหน้าหมวดการคลัง ซึ่งในทางปฏิบัติได้จ้างลูกจ้างชั่วคราวมาทำหน้าที่แทนก็หาเป็นการนำสืบข้อเท็จจริงแตกต่างจากฟ้องไม่