คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระเงิน 2,000,000 บาท แก่โจทก์ทั้งสาม โดยผ่อนชำระเป็นรายเดือนและชำระให้เสร็จสิ้นภายในเดือนสิงหาคม 2558 หากผิดนัดยอมให้โจทก์ทั้งสามบังคับคดีในยอดหนี้ที่เหลือได้ทันทีพร้อมดอกเบี้ยผิดนัดอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของยอดหนี้ค้างชำระ คดีถึงที่สุดแล้วแต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ทั้งสามขอให้บังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดห้องชุดเลขที่ 189/419, 189/420 และ 189/421 อาคาร ด. ตั้งอยู่ที่ตำบลมักกะสัน อำเภอราชเทวี กรุงเทพมหานคร มีชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ซึ่งติดจำนองธนาคาร อ. ธนาคาร ก. และธนาคาร ย. ออกขายทอดตลาด
วันที่ 2 มีนาคม 2561 นางสาวคณิศร บุตรของจำเลยซื้อห้องชุดเลขที่ 189/419 จากการขายทอดตลาดได้ในราคา 8,170,000 บาท โดยปลอดจำนอง แต่เจ้าพนักงานที่ดินไม่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้เนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในคดีหมายเลขดำที่ พ.146/2560 ซึ่งผู้ร้องเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยและบริษัท ว. กับพวกรวม 5 คน เป็นจำเลย
วันที่ 12 พฤศจิกายน 2561 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและการยึดทรัพย์ในคดีนี้
โจทก์ทั้งสามยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง หากศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการยึดทรัพย์และการขายทอดตลาดก็ขอให้ผู้ร้องเป็นผู้ชำระค่าใช้จ่ายในการถอนการยึดหรือการขายทอดตลาดด้วย
ผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำร้องขอยกเลิกการขายทอดตลาดห้องชุดเลขที่ 189/419 และขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีคืนเงินมัดจำ 500,000 บาท ที่วางไว้แก่ผู้ซื้อทรัพย์
ระหว่างไต่สวนโจทก์ทั้งสามและผู้ร้องแถลงไม่คัดค้านการขอยกเลิกการขายทอดตลาดห้องชุดเลขที่ 189/419 ของผู้ซื้อทรัพย์และหากผู้ร้องยอมรับผิดชอบค่าธรรมเนียมเพิกถอนการยึดแทนโจทก์ทั้งสามก็ไม่คัดค้านการถอนการยึดทรัพย์ วันที่ 2 กันยายน 2562 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการยึดทรัพย์และการขายทอดตลาด คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวถึงที่สุด
วันที่ 4 ตุลาคม 2562 โจทก์ทั้งสามยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีที่เรียกให้โจทก์ทั้งสามชำระค่าธรรมเนียมยึดแล้วไม่มีการขายเป็นเงิน 52,483.05 บาท และ/หรือมีคำสั่งให้ผู้ร้องและ/หรือจำเลย และ/หรือผู้ซื้อทรัพย์เป็นผู้ชำระหรือร่วมกันชำระค่าธรรมเนียมดังกล่าวแทน
จำเลยและผู้ซื้อทรัพย์ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสามฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่าโจทก์ทั้งสามต้องชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีกรณียึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายหรือไม่ เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 169/2 วรรคสี่ บัญญัติว่า "ในกรณีที่มีการถอนการบังคับคดีนอกจากกรณีตามมาตรา 292 (1) และ (5) ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาผู้ขอยึดหรืออายัดทรัพย์สินเป็นผู้รับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดี" มาตรา 292 บัญญัติว่า "ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีถอนการบังคับคดีในกรณีดังต่อไปนี้ (1) เมื่อศาลได้มีคำสั่งให้ถอนการบังคับคดีเนื่องจากลูกหนี้ตามคำพิพากษายื่นอุทธรณ์หรือฎีกา และได้วางเงินต่อศาลเป็นจำนวนพอชำระหนี้ตามคำพิพากษาพร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมและค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดี หรือได้หาประกันมาให้จนเป็นที่พอใจของศาลสำหรับจำนวนเงินเช่นว่านี้ (2) เมื่อศาลได้มีคำสั่งให้ถอนการบังคับคดีเนื่องจากคำพิพากษาในระหว่างบังคับคดีได้ถูกกลับหรือถูกยก หรือหมายบังคับคดีได้ถูกเพิกถอน แต่ถ้าคำพิพากษาในระหว่างบังคับคดีนั้นได้ถูกกลับแต่เพียงบางส่วน การบังคับคดีอาจดำเนินการต่อไปจนกว่าเงินที่รวบรวมได้นั้นจะพอชำระแก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา (3) เมื่อศาลได้แจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบว่าศาลมีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ตามมาตรา 199 เบญจ วรรคสาม หรือมาตรา 207 (4) เมื่อศาลได้มีคำสั่งให้ถอนการบังคับคดีตามมาตรา 293 (5) เมื่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้วางเงินต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี เพื่อเป็นการชำระหนี้ตามคำพิพากษาพร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมและค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดี (6) เมื่อเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้แจ้งเป็นหนังสือไปยังเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าตนสละสิทธิในการบังคับคดี ในกรณีเช่นว่านี้ เจ้าหนี้ตามคำพิพากษานั้นจะบังคับคดีแก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาสำหรับหนี้นั้นอีกมิได้ (7) เมื่อเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้แจ้งเป็นหนังสือไปยังเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าตนขอถอนการบังคับคดี" สำหรับคดีนี้ หลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมและคดีถึงที่สุดแล้วจำเลยไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีลงวันที่ 25 กันยายน 2558 ตามคำขอของโจทก์ทั้งสาม ครั้นวันที่ 2 พฤศจิกายน 2558 โจทก์ทั้งสามจึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดห้องชุดเลขที่ 189/419, 189/420 และ 189/421 อาคาร ด. ตั้งอยู่ที่ตำบลมักกะสัน อำเภอราชเทวี กรุงเทพมหานครของจำเลยออกขายทอดตลาด การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในคดีหมายเลขดำที่ พ.146/2560 ให้เจ้าพนักงานที่ดินระงับการจดทะเบียนห้องชุดเลขที่ 189/419, 189/420 และ 189/421 ของจำเลยไว้เป็นเพียงวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา มิใช่เป็นส่วนหนึ่งของการบังคับคดีตามคำพิพากษา จึงไม่ต้องห้ามที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นจะยึดทรัพย์สินนั้นตามมาตรา 326 เมื่อห้องชุดเลขที่ 189/419, 189/420 และ 189/421 มีชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ โจทก์ทั้งสามในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมสามารถบังคับคดีเอาแก่ห้องชุดดังกล่าวได้ตามมาตรา 274 วรรคหนึ่ง การบังคับคดีของโจทก์ทั้งสามจึงมิได้ดำเนินการไปโดยไม่มีสิทธิ หรือเป็นไปด้วยความไม่สุจริตของโจทก์ทั้งสามแต่อย่างใด การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการยึดทรัพย์และการขายทอดตลาดสืบเนื่องมาจากผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการขายทอดตลาดและการยึดทรัพย์อ้างว่าผู้ร้องอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนในห้องชุดดังกล่าวได้ก่อน โดยผู้ร้องได้ยื่นฟ้องจำเลยและบริษัท ว. กับพวกรวม 5 คนเป็นจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ พ.146/2560 ของศาลชั้นต้น และศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้เจ้าพนักงานที่ดินระงับการจดทะเบียนห้องชุดเลขที่ 189/419, 189/420 และ 189/421 ของจำเลยไว้ ส่วนผู้ซื้อทรัพย์ก็ยื่นคำร้องขอยกเลิกการขายทอดตลาดห้องชุดเลขที่ 189/419 เนื่องจากเจ้าพนักงานที่ดินไม่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้เนื่องจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในคดีหมายเลขดำที่ พ.146/2560 การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการยึดทรัพย์และการขายทอดตลาดจึงไม่ต้องด้วยกรณีตามมาตรา 292 (2) (3) (4) (6) และ (7) ทั้งมิได้เกิดจากความผิดหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของโจทก์ทั้งสาม กรณีจึงไม่มีเหตุสมควรที่จะให้โจทก์ทั้งสามต้องรับผิดชำระค่าธรรมเนียมถอนการยึดกรณียึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่าย ฎีกาของโจทก์ทั้งสามฟังขึ้น
พิพากษากลับเป็นว่า ให้เพิกถอนคำสั่งเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ให้โจทก์ทั้งสามชำระค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีถอนการยึดกรณียึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่าย ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ