โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90, 91, 328 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) ให้จำเลยชำระเงิน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เดลินิวส์ มติชน สยามกีฬา และบางกอกโพสต์ เป็นเวลา 7 วัน โดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย กำหนดโทษและบวกโทษของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 226/2558 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษจำคุกคดีนี้ นับโทษของจำเลยต่อจากโทษของจำเลยในคดีดังกล่าว และเพิ่มโทษจำเลย
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า คดีมีมูล ให้ประทับฟ้องฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 ไว้พิจารณา ส่วนความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) ให้ยกฟ้อง นัดพร้อมเพื่อประชุมคดี สอบคำให้การจำเลย ตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดวันสืบพยานทั้งส่วนอาญาและแพ่ง ในวันที่ 15 กรกฎาคม 2562 เวลา 9 นาฬิกา
วันที่ 15 กรกฎาคม 2562 จำเลยและทนายความของจำเลยมาศาล โจทก์ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ทราบนัดแล้วไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องหรือยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี พิพากษายกฟ้อง วันที่ 5 สิงหาคม 2562 โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาวันที่ 15 กรกฎาคม 2562 และให้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ไม่ยื่นคำร้องภายในสิบห้าวันนับแต่วันศาลยกฟ้อง มีคำสั่งยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งยกคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาวันที่ 15 กรกฎาคม 2562 และให้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีใหม่ของโจทก์ ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องดังกล่าวแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอเพิกถอนกระบวนพิจารณาวันที่ 15 กรกฎาคม 2562 และให้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีใหม่แล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดีชอบหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173/2 วรรคหนึ่ง ตอนท้ายบัญญัติว่า ในกรณีที่โจทก์ไม่มาศาลในวันตรวจพยานหลักฐานให้นำบทบัญญัติมาตรา 166 มาใช้บังคับโดยอนุโลม ดังนั้น หากโจทก์ทราบนัดโดยชอบแล้ว แต่ไม่มาศาลในวันนัดตรวจพยานหลักฐาน จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะยกฟ้องโจทก์ตามบทบัญญัติดังกล่าวได้ แต่ตามคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาวันที่ 15 กรกฎาคม 2562 และให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ของโจทก์อ้างถึงเหตุที่ไม่มาศาลว่า เจ้าหน้าที่ศาลได้โทรศัพท์แจ้งทนายความของโจทก์ว่า คณะผู้พิพากษาติดภารกิจ ให้ยกเลิกวันนัดวันที่ 15 กรกฎาคม 2562 เวลา 9 นาฬิกา และเลื่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐานไปในวันที่ 5 สิงหาคม 2562 โดยมีภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์ระบบติดตามสำนวนคดีของศาลชั้นต้นเป็นหลักฐานแนบท้ายคำร้อง อันเป็นการโต้แย้งว่าเหตุที่โจทก์ไม่มาศาลในวันนัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 15 กรกฎาคม 2562 เวลา 9 นาฬิกา เพราะวันนัดถูกยกเลิกแล้ว ซึ่งหากเป็นความจริงย่อมไม่อาจถือได้ว่าโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดตรวจพยานหลักฐาน และกรณีดังกล่าวไม่อยู่ในบังคับที่โจทก์ต้องร้องขอให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคสอง ประกอบมาตรา 173/2 วรรคหนึ่ง ศาลชั้นต้นชอบที่จะไต่สวนคำร้องของโจทก์เสียก่อนจึงจะวินิจฉัยได้ว่าที่โจทก์ไม่มาศาลนั้นมีเหตุอันสมควรหรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งยกคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาวันที่ 15 กรกฎาคม 2562 และให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาคดีใหม่ โดยให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องดังกล่าวแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดีจึงชอบแล้ว ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในอุทธรณ์นั้น เห็นว่า โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น และเพิกถอนกระบวนพิจารณาวันที่ 15 กรกฎาคม 2562 และนัดตรวจพยานหลักฐานใหม่ การที่ศาลอุทธรณ์ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาวันที่ 15 กรกฎาคม 2562 และให้ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องดังกล่าวแล้วมีคำสั่งใหม่จึงไม่เกินคำขอหรือที่ไม่ได้กล่าวไว้ในอุทธรณ์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน