ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า นางสาวพุ่ม ม่วงเทศ ซึ่งเป็นน้องอยู่บ้านเรือนเดียวกับผู้ร้อง อยู่ในความดูแลพิทักษ์รักษาของผู้ร้อง มีอายุ ๖๐ ปี กายและใจเสื่อมโทรมฟั่นเฟือน ไม่สามารถจัดทำการของตนได้ ขอให้สั่งเป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถตั้งผู้ร้องเป็นผู้พิทักษ์
นางสาวพุ่มยื่นคำคัดค้านและอ้างว่าผู้ร้องมิใช่บุคคลที่กฎหมายให้อำนาจร้องต่อศาล
ศาลชั้นต้นสอบถามคู่ความแล้วสั่งงดสืบพยานและเห็นว่าผู้ร้องเป็นพี่ของผู้คัดค้าน ไม่ใช่บุคคลดังที่ระบุไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๒๙ ซึ่งคำว่า "ผู้พิทักษ์" หมายถึงผู้ที่ศาลตั้งให้เป็นผู้พิทักษ์สำหรับบุคคลเสมือนไร้ความสามารถตามมาตรา ๓๔ ผู้ร้องไม่มีสิทธิที่จะร้อง พิพากษายกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า บุคคลอยู่ในความดูแลรักษาของใคร ผู้นั้นก็เป็นผู้พิทักษ์ตามความจริงที่เป็นอยู่ เมื่อผู้พิทักษ์นั้นต้องการจะจัดการกิจการของผู้อยู่ในความดูแลนั้นก็ต้องร้องขอต่อศาลให้สั่งว่าผู้นั้นเสมือนไร้ความสามารถ และให้อยู่ในความพิทักษ์ของตนเสียก่อน พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพยานและพิพากษาสั่งไปตามกระบวนความ
ศาลฎีกาปรีกษาคดีโดยที่ประชุมใหญ่แล้วเห็นว่า ผู้ที่จะร้องขอต่อศาลเพื่อสั่งให้บุคคลใดเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๓๔ นั้น คือ ผู้ที่ระบุไว้ในมาตรา ๒๙ ซึ่งรวมทั้งผู้พิทักษ์ของบุคคลที่ไม่สามารถจัดการงานของตนเองได้ด้วย ถ้าตีความว่าผู้พิทักษ์ตามมาตรานี้หมายความเฉพาะผู้ที่ศาลสั่งแต่งตั้งก่อนแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะมีผู้พิทักษ์ร้องขอเช่นนั้นได้ตามมาตรา ๓๔ มิได้หมายความว่าจะมีผู้พิทักษ์ตามพฤตินัยมาก่อนแล้วไม่ได้ เป็นแต่ให้ศาลมีคำสั่งจัดให้อยู่ในความพิทักษ์ด้วยในเมื่อสั่งให้บุคคลนั้นเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ ถ้าผู้ร้องเป็นผู้พิทักษ์ของผู้คัดค้านอยู่จริง ผู้ร้องก็เป็นบุคคลหนึ่งที่ระบุไว้ในมาตรา ๒๙
พิพากษายืน