โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 54, 55, 72 ตรี, 74 จัตวา ประมวลกฎหมายที่ดินพ.ศ. 2497 มาตรา 9, 108 ทวิ และประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 พ.ศ. 2515 ข้อ 11 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84 และสั่งให้จำเลยทั้งสอง คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของจำเลยทั้งสองออกไปจากที่ดินที่เกิดเหตุดังกล่าวด้วย กับให้จ่ายเงินนำจับให้แก่ผู้นำจับตามกฎหมาย
จำเลย ทั้ง สอง ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง, 72 ตรี วรรคสอง,74 จัตวา จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี ปรับจำเลยที่ 2เป็นเงิน 100,000 บาท จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี ปรับจำเลยที่ 2เป็นเงิน 50,000 บาท พิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจประกอบกับพฤติการณ์แห่งคดีและความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ไม่มีเหตุรอการลงโทษ ให้จำเลยทั้งสองคนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทนและบริวารของจำเลยทั้งสองออกไปจากที่เกิดเหตุตามฟ้อง และให้จำเลยที่ 2 จ่ายเงินสินบนนำจับให้แก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่งของค่าปรับ หากจำเลยที่ 2ไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29
จำเลย ที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 9,108 ทวิ วรรคหนึ่ง อีกบทหนึ่ง และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,84 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484มาตรา 84 วรรคหนึ่ง, 72 ตรี วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และให้จ่ายเงินสินบนนำจับแก่ผู้นำจับกึ่งหนึ่งของจำนวนเงินค่าปรับจากเงินค่าปรับนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปีถึง 15 ปี เป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นที่จะต้องสอบถามจำเลยก่อนเริ่มพิจารณาว่ามีและต้องการทนายหรือไม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 วรรคสองดังนี้ เมื่อตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นมิได้ปรากฏว่าได้มีการดำเนินการดังกล่าวแล้ว การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นจึงไม่ถูกต้องจริง จำเป็นต้องดำเนินการใหม่ให้ถูกต้อง
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 และศาลชั้นต้นย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นดำเนินการใหม่ให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาพิพากษาคดีใหม่ตามรูปคดีต่อไป