ศาลเดิมเห็นว่าโจทก์ค้างค่าเช่าห้องอยู่ ไล่ให้ออกก็ไม่ยอมออก จำเลยซึ่งเป็นผู้แทนผู้ให้เช่าจึงได้ปิดประตูใส่กุญแจเอากระดานตีตะปูปิดหน้าต่างห้องเช่าจำเลยแก้สืบว่าพวกโจทก์ออกทางหลังห้องโดยอาศัยเรือที่จอดอยู่หลังห้องจะไปไหนก็ได้สดวก เห็นว่าพฤตติการณ์ที่จำเลยกระทำเข้าในบทฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังตาม ม.๒๗๐ แม้จะเป็นความจริงดังจำเลยเถียงก็หาพ้นผิดไม่ จึงพิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา ๒๗๐
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าศาลเดิมยอมรับฟังความจริงดังจำเลยเถียง แลความจริงเป็นดังข้อเถียงของจำเลยแลเห็นว่าเจ้าทุกข์มีทางออกทางหลังห้องได้ไม่เรียกว่าเป็นการหน่วงเหนี่ยวกักขังตามกฎหมายพิพากษให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาว่า(๑) ที่ศาลอุทธรณ์ว่าศาลเดิมฟังข้อเท็จจริงตามคำต่อสู้ของจำเลยนั้นไม่เป็นความจริง ศาลเดิมเป็นแต่เพียงว่า แม้จะฟังตามคำต่อสู้ของจำเลยก็ต้องมีผิด แล (๒) จำเลยควรมีผิดตามมาตรา ๒๗๐
ศาลฎีกาเห็นว่าที่ศาลอุทธรณ์ถือว่าศาลเดิมได้ชี้ขาดข้อเท็จจริงแล้วนั้น เป็นอันถูกต้องแล้ว แลตามฎีกาข้อ(๒) เห็นว่ารูปคดีไม่เป็นเรื่องหน่วงเหนี่ยวกักขังเพราะโจทก์มีหนทางเข้าออกได้อยู่แล้วจะเรียกว่าจำเลยกระทำให้พวกโจทก์ปราศจากอิศศรแก่ตนหาได้ไม่ จึงพิพากษายืนศาลอุทธรณ์