โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวน 171,103.86 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 167,187.39 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ให้การขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 40,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความรวม 3,000 บาท
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองเป็นสมาชิกบัตรเครดิตของโจทก์ จำเลยทั้งสองนำบัตรเครดิตของโจทก์ไปใช้จนถึงประมาณเดือนพฤษภาคม 2539 จำเลยทั้งสองมีหนี้ค้างชำระจำนวน 432,568.65 บาท จำเลยที่ 1 จ่ายเช็คเพื่อชำระหนี้ดังกล่าวทั้งหมดแก่โจทก์จำนวนหลายฉบับ แต่เช็คบางฉบับเรียกเก็บเงินไม่ได้ จำเลยที่ 1 นำเงินสดไปแลกเช็คคืนบางส่วน คงเหลือเช็คที่เรียกเก็บเงินไม่ได้จำนวน 2 ฉบับ โจทก์นำเช็คที่เรียกเก็บเงินไม่ได้จำนวน 2 ฉบับดังกล่าวไปฟ้องจำเลยที่ 1 เป็นคดีอาญาต่อศาลแขวงพระนครใต้ ระหว่างดำเนินคดีอาญา โจทก์และจำเลยที่ 1 ตกลงยอมความกันจำเลยที่ 1 ได้ผ่อนชำระหนี้ตามเช็คทั้งสองฉบับดังกล่าวจนครบถ้วน และโจทก์ถอนฟ้องคดีอาญา ในระหว่างที่จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระเงินตามเช็คอยู่นั้น โจทก์ได้คิดเบี้ยปรับจากยอดหนี้ที่ค้างชำระรวมเป็นเบี้ยปรับทั้งสิ้น 131,804.15 บาท มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า โจทก์หมดสิทธิเรียกเบี้ยปรับจากจำเลยทั้งสอง เนื่องจากโจทก์ไม่ได้บอกสวงนสิทธิเรียกเบี้ยปรับไว้ในเวลารับชำระหนี้หรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 381 วรรคสาม ที่บัญญัติว่า "ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับชำระหนี้แล้ว จะเรียกเอาเบี้ยปรับได้ต่อเมื่อได้บอกสงวนสิทธิไว้เช่นนั้นในเวลารับชำระหนี้" หมายความว่า เจ้าหนี้ต้องบอกกล่าวสงวนสิทธิเรียกเบี้ยปรับเฉพาะกรณีลูกหนี้ยอมรับชำระหนี้โดยสิ้นเชิงแล้วเจ้าหนี้ยอมรับชำระหนี้เท่านั้น ไม่ได้หมายถึงกรณีที่ลูกหนี้ขอชำระหนี้บางส่วน การที่จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้ตามเช็คมิใช่การชำระหนี้โดยสิ้นเชิง ดังนั้น แม้โจทก์จะมิได้บอกกล่าวสงวนสิทธิเรียกเบี้ยปรับในเวลาที่รับชำระหนี้ที่จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระ โจทก์ไม่หมดสิทธิที่จะเรียกเบี้ยปรับจากจำเลยทั้งสอง ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกบัตรเครดิต โจทก์จึงชอบที่จะเรียกเบี้ยปรับดังกล่าวจากจำเลยทั้งสองได้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ