โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกที่ดินและกระบือ ๒ ตัว ขอนางรอดผู้ตายโดยอ้างว่าโจทก์เป็นทายาทโดยธรรม ของนางรอด
จำเลยต่อสู้ว่า นางรอดยกทรัพย์มรดกให้จำเลยผู้เดียวและจำเลยออกค่ารักษาพยาบาล กับค่าทำศพนางรอดเท่ามรดกที่จะต้องแบ่ง
ศาลชั้นต้นฟังว่า ที่นาแปลงที่ ๑ และที่ดินโฉนดที่ ๒๓๒๖ เป็นของนางรอดผู้เดียว ที่นาแปลงที่ ๒ เป็นของนางรอดและจำเลยรวมกัน กระบือ ๒ ตัว เป็นของนางรอด ค่ารักษาพยาบาลและค่าทำศพนางรอด จำเลยนำสืบฟังไม่ได้ว่า จ่ายไปตามฟ้อง แต่ตามคำพยานโจทก์จำเลยฟังได้ว่า จำเลยเสียค่ารักษาพยาบาลและค่าทำศพไปจริง สมควรกำหนดราคาปานกลางให้ค่าพยาบาล ๑,๐๐๐ บาท ค่าทำศพ ๒,๕๐๐ บาทค่าภาษีที่ดิน จำเลยนำสืบฟังได้ แต่จำเลยมีกรรมสิทธิ์ในที่แปลงที่ ๒ อยู่ด้วย ควรคิดให้ ๑๕๐ บาท พิพากษาให้นำที่ดิน ๒ แปลงและกระบือ ๒ ตัว มาแบ่งเป็นมรดก ๔ ส่วน โจทก์ทั้งสาม และจำเลยได้คนละส่วนถ้าตกลงกันไม่ได้ ให้ประมูลระหว่างกันเองก่อน ถ้าตกลงกันไม่ได้อีกก็ให้ขายทอดตลาดเอาเงิน มาแบ่งกันตามส่วน เงินค่าภาษี ค่ารักษาพยาบาลและค่าทำศพ รวม ๓,๖๕๐ บาท ให้โจทก์ที่จะรับส่วนแบ่งเฉลี่ยกันออกให้แก่จำเลยคนละ ๑ ส่วน หรือหักจากเงินที่ประมูล หรือขายทอดตลาดได้เสียก่อน
ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืน
ข้อที่จำเลยฎีกาว่า เมื่อจำเลยไปขอประกาศรับมรดก (ที่ดินตามโฉนด) โจทก์ทราบแล้วไม่คัดค้าน ประกาศนั้นปิดปากโจทก์ฟ้องอีกไม่ได้ นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นด้วยศาลฎีกาเห็นว่า แม้จะฟังอย่างจำเลยกล่าวอ้าง โจทก์ก็ฟ้องได้ ไม่มีกฎหมายห้ามว่า ไม่คัดค้านการประกาศรับมรดกเช่นคดีนี้แล้ว ฟ้องไม่ได้