พบผลลัพธ์ทั้งหมด 409 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9121/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้ใหม่และการกำหนดอายุความฟ้องคดี การฟ้องโดยอาศัยหนี้เดิมตามเช็คหรือไม่
กรณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/35ต้องเป็นกรณีที่ลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้อยู่ก่อนแล้วต่อมาหนี้ขาดอายุความภายหลังจากนั้นลูกหนี้จึงได้รับสภาพความรับผิดโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือจำเลยไม่เคยเป็นหนี้โจทก์มาก่อน การที่จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการรับสภาพความรับผิดโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือ ตามมาตรา 193/35 แต่กรณีเป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการ เปลี่ยนตัวลูกหนี้จากบริษัทอื่นมาเป็นจำเลย การฟ้องคดีตาม บันทึกข้อตกลงแปลงหนี้ใหม่ดังกล่าวไม่มีกฎหมายบัญญัติกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความสิบปีตามมาตรา 193/30
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9121/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้ใหม่ vs. การแปลงหนี้: อายุความฟ้องคดี
กรณีที่จะต้องด้วยบทบัญญัติตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/35ต้องเป็นกรณีลูกหนี้เป็นหนี้เจ้าหนี้อยู่ก่อนแล้ว ต่อมาหนี้ขาดอายุความภายหลังจากนั้นลูกหนี้จึงได้รับสภาพความรับผิดโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือ เมื่อจำเลยไม่เคยเป็นหนี้โจทก์มาก่อน การที่จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ขอชำระหนี้แทนบริษัท บ. ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการรับสภาพความรับผิดโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือตามมาตรา 193/35 แต่กรณีเป็นการแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้จากบริษัท บ.จำกัด มาเป็นจำเลย
การฟ้องคดีตามบันทึกข้อตกลงแปลงหนี้ใหม่ไม่มีกฎหมายบัญญัติกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา193/30
การฟ้องคดีตามบันทึกข้อตกลงแปลงหนี้ใหม่ไม่มีกฎหมายบัญญัติกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงมีอายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา193/30
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7151/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาแปลงหนี้ใหม่ หลักประกันการชำระหนี้ ไม่ใช่เงื่อนไขบังคับหลัง แม้ไม่โอนที่ดินตามสัญญา
จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงิน5ฉบับให้แก่โจทก์ทั้งสองตามสัญญาแปลงหนี้ใหม่และเพื่อเป็นหลักประกันการใช้เงินจำเลยตกลงจะโอนที่ดินของจำเลยให้แก่โจทก์ทั้งสองข้อตกลงดังกล่าวเป็นเพียงข้อสัญญาข้อหนึ่งในสัญญาที่ตกลงกันไว้ทั้งเป็นหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญาที่ตกลงกันเพื่อให้โจทก์ทั้งสองมีความมั่นใจว่าจะได้รับชำระหนี้จากจำเลยตามสัญญาที่ตกลงทำกันขึ้นใหม่เพื่อมิให้หนี้เดิมของโจทก์ทั้งสองต้องสูญไปเท่านั้นไม่ใช่เงื่อนไขบังคับหลังที่จะทำให้สัญญาที่ตกลงกันไว้ต้องยกเลิกหรือระงับสิ้นไปเพราะโจทก์ไม่ได้รับโอนที่ดินภายในกำหนดเวลาตามสัญญาการที่จำเลยมิได้โอนที่ดินตามสัญญาให้แก่โจทก์ทั้งสองหาทำให้ตั๋วสัญญาใช้เงินทั้ง5ฉบับที่จำเลยได้ออกชำระหนี้แก่โจทก์ทั้งสองต้องถูกยกเลิกหรือไร้ประโยชน์แต่อย่างใดจำเลยยังต้องผูกพันรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินทั้ง5ฉบับที่ออกชำระหนี้ให้แก่โจทก์ทั้งสองอยู่ หนี้ตามคำฟ้องของโจทก์ที่1และโจทก์ที่2เป็นคนละจำนวนต่างหากจากกันมิใช่หนี้ร่วมโจทก์แต่ละคนสามารถแยกฟ้องจำเลยต่างหากจากกันได้อยู่แล้วการที่โจทก์ทั้งสองฟ้องรวมเป็นคดีเดียวกันก็เพราะจำเลยเป็นคนเดียวกันและเพื่อเป็นการสะดวกในการพิจารณาพิพากษาคดีเท่านั้นศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยชำระค่าขึ้นศาลสำหรับคดีของโจทก์ที่1และโจทก์ที่2แยกต่างหากจากกันนั้นถูกต้องแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7151/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงโอนที่ดินเป็นประกันการชำระหนี้ ไม่ใช่เงื่อนไขบังคับหลัง - ตั๋วสัญญาใช้เงินยังใช้บังคับได้
จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงิน 5 ฉบับให้แก่โจทก์ทั้งสองตามสัญญาแปลงหนี้ใหม่ และเพื่อเป็นหลักประกันการใช้เงิน จำเลยตกลงจะโอนที่ดินของจำเลยให้แก่โจทก์ทั้งสอง ข้อตกลงดังกล่าวเป็นเพียงข้อสัญญาข้อหนึ่งในสัญญาที่ตกลงกันไว้ทั้งเป็นหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญาที่ตกลงกันเพื่อให้โจทก์ทั้งสองมีความมั่นใจว่าจะได้รับชำระหนี้จากจำเลยตามสัญญาที่ตกลงทำกันขึ้นใหม่เพื่อมิให้หนี้เดิมของโจทก์ทั้งสองต้องสูญไปเท่านั้น ไม่ใช่เงื่อนไขบังคับหลังที่จะทำให้สัญญาที่ตกลงกันไว้ต้องยกเลิก หรือระงับสิ้นไปเพราะโจทก์ไม่ได้รับโอนที่ดินภายในกำหนดเวลาตามสัญญาการที่จำเลยมิได้โอนที่ดินตามสัญญาให้แก่โจทก์ทั้งสอง หาทำให้ตั๋วสัญญาใช้เงินทั้ง5 ฉบับ ที่จำเลยได้ออกชำระหนี้แก่โจทก์ทั้งสองต้องถูกยกเลิกหรือไร้ประโยชน์แต่อย่างใด จำเลยยังต้องผูกพันรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินทั้ง 5 ฉบับ ที่ออกชำระหนี้ให้แก่โจทก์ทั้งสองอยู่
หนี้ตามคำฟ้องของโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 เป็นคนละจำนวนต่างหากจากกัน มิใช่หนี้ร่วม โจทก์แต่ละคนสามารถแยกฟ้องจำเลยต่างหากจากกันได้อยู่แล้ว การที่โจทก์ทั้งสองฟ้องรวมเป็นคดีเดียวกัน ก็เพราะจำเลยเป็นคนเดียวกัน และเพื่อเป็นการสะดวกในการพิจารณาพิพากษาคดีเท่านั้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยชำระค่าขึ้นศาลสำหรับคดีของโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 แยกต่างหากจากกันนั้นถูกต้องแล้ว
หนี้ตามคำฟ้องของโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 เป็นคนละจำนวนต่างหากจากกัน มิใช่หนี้ร่วม โจทก์แต่ละคนสามารถแยกฟ้องจำเลยต่างหากจากกันได้อยู่แล้ว การที่โจทก์ทั้งสองฟ้องรวมเป็นคดีเดียวกัน ก็เพราะจำเลยเป็นคนเดียวกัน และเพื่อเป็นการสะดวกในการพิจารณาพิพากษาคดีเท่านั้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยชำระค่าขึ้นศาลสำหรับคดีของโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 แยกต่างหากจากกันนั้นถูกต้องแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6744/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการซื้อที่ดินแทนบุคคลอื่นตามสัญญาซื้อขาย: ชอบด้วยกฎหมายและมีผลบังคับใช้
ข้อตกลงในสัญญาซื้อขายที่ดินระบุชัดว่า จำเลยให้สิทธิแก่โจทก์ว่าโจทก์สามารถนำบุคคลอื่นมาซื้อแทนได้หรือร่วมซื้อกับโจทก์ก็ได้ เช่นนี้ เป็นข้อตกลงที่ชอบด้วยกฎหมายและมีผลบังคับตามกฎหมาย จำเลยต้องปฏิบัติตามสัญญา มิใช่เป็นกรณีที่มีการเปลี่ยนตัวผู้ซื้อรายใหม่หรือเป็นกรณีแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6744/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการนำบุคคลอื่นมาซื้อแทนตามสัญญาจะซื้อจะขาย ย่อมเป็นผลบังคับใช้ได้ตามกฎหมาย
โจทก์ได้ตกลงซื้อที่ดินจากจำเลยโดยโจทก์ได้วางมัดจำไปแล้วเป็นเงิน 10,000,000 บาท ส่วนราคาที่เหลือจะชำระในวันโอนกรรมสิทธิ์และมีข้อตกลงกันอีกว่า จำเลยให้สิทธิแก่โจทก์ที่จะนำบุคคลอื่นมาซื้อแทนได้ หรือร่วมซื้อกับโจทก์ก็ได้ ข้อตกลงดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายและมีผลบังคับตามกฎหมายดังนั้น จำเลยต้องปฏิบัติตามสัญญา โดยต้องยินยอมให้บริษัทพ. เป็นผู้รับโอนแทนโจทก์ตามที่โจทก์ต้องการกรณีมิใช่เป็นการเปลี่ยนตัวผู้ซื้อรายใหม่หรือเป็นการแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6744/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการหาผู้ซื้อแทนตามสัญญาจะซื้อจะขาย และการไม่ถือเป็นการเปลี่ยนตัวผู้ซื้อรายใหม่
โจทก์ได้ตกลงซื้อที่ดินจากจำเลยโดยโจทก์ได้วางมัดจำไปแล้วเป็นเงิน10,000,000บาทส่วนราคาที่เหลือจะชำระในวันโอนกรรมสิทธิ์และมีข้อตกลงกันอีกว่าจำเลยให้สิทธิแก่โจทก์ที่จะนำบุคคลอื่นมาซื้อแทนได้หรือร่วมซื้อกับโจทก์ก็ได้ข้อตกลงดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายและมีผลบังคับตามกฎหมายดังนั้นจำเลยต้องปฏิบัติตามสัญญาโดยต้องยินยอมให้บริษัทพ. เป็นผู้รับโอนแทนโจทก์ตามที่โจทก์ต้องการกรณีมิใช่เป็นการเปลี่ยนตัวผู้ซื้อรายใหม่หรือเป็นการแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5866/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้ไม่ถือเป็นการแปลงหนี้ใหม่ และฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
การที่จำเลยที่1ซึ่งเป็นลูกหนี้ฝ่ายเดียวทำหนังสือรับสภาพหนี้โดยยอมใช้หนี้ให้แก่โจทก์เจ้าหนี้โดยขอผ่อนชำระเป็นรายเดือนเป็นเพียงขอเปลี่ยนวิธีการชำระหนี้เท่านั้นส่วนหนี้เดิมมีอยู่อย่างไรคงมีอยู่อย่างนั้นไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้จึงไม่เป็นการแปลงหนี้ใหม่หนี้เดิมจึงหาระงับไปไม่จำเลยที่2ยังต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่1อยู่ ฟ้องโจทก์ได้บรรยายว่าจำเลยที่1ได้ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์จำนวนเงินเท่าไรมีจำเลยที่2ทำสัญญาค้ำประกันโดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมถือว่าคำฟ้องโจทก์แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้วโดยระบุที่มาของหนี้จำนวนหนี้ที่ค้างชำระและความรับผิดของจำเลยที่1และที่2ไว้ชัดแจ้งแล้วว่าจะต้องรับผิดอย่างไรฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม เอกสารส่วนหนึ่งของบัญชีกระแสรายวันซึ่งจำเลยที่1เปิดไว้กับโจทก์ซึ่งเป็นเอกสารเป็นชุดมีจำนวนประมาณ70แผ่นกรณีจึงต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา90(1)เดิมคู่ความฝ่ายที่อ้างอิงพยานหลักฐานเช่นที่ว่านี้ไม่จำต้องยื่นหรือส่งสำเนาเอกสารให้จำเลยตรวจสอบก่อน3วัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5866/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้ไม่ถือเป็นการแปลงหนี้ และฟ้องไม่เคลือบคลุมเมื่อระบุรายละเอียดหนี้ชัดเจน
การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ฝ่ายเดียวทำหนังสือรับสภาพหนี้โดยยอมใช้หนี้ให้แก่โจทก์เจ้าหนี้ โดยขอผ่อนชำระเป็นรายเดือน เป็นเพียงขอเปลี่ยนวิธีการชำระหนี้เท่านั้นส่วนหนี้เดิมมีอยู่อย่างไร คงมีอยู่อย่างนั้นไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ จึงไม่เป็นการแปลงหนี้เดิมจึงหาระงับไปไม่ จำเลยที่ 2 ยังต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 อยู่ ฟ้องโจทก์ได้บรรยายว่า จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์จำนวนเงินเท่าไร มีจำเลยที่ 2 ค้ำประกันโดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม ถือว่าคำฟ้องโจทก์แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว โดยระบุที่มาของหนี้ จำนวนหนี้ที่ค้างชำระและความรับผิดของจำเลยที่ 1 และที่ 2ไว้ชัดแจ้งแล้วว่าจะต้องรับผิดอย่างไร ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม เอกสารส่วนหนึ่งของบัญชีกระแสรายวัน ซึ่งจำเลยที่ 1เปิดไว้กับโจทก์ ซึ่งเป็นเอกสารเป็นชุดมีจำนวนประมาณ 70 แผ่นกรณีจึงต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90(1)เดิม คู่ความฝ่ายที่อ้างอิงพยานหลักฐานเช่นที่ว่านี้ไม่จำต้องยื่นหรือส่งสำเนาเอกสารให้จำเลยตรวจสอบก่อน 3 วัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5866/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสภาพหนี้ไม่ถือเป็นการแปลงหนี้เดิม และฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
การที่จำเลยที่1ซึ่งเป็นลูกหนี้ฝ่ายเดียวทำหนังสือรับสภาพหนี้โดยยอมใช้หนี้ให้แก่โจทก์เจ้าหนี้โดยขอผ่อนชำระเป็นรายเดือนเป็นเพียงขอเปลี่ยนวิธีการชำระหนี้เท่านั้นส่วนหนี้เดิมมีอยู่อย่างไรคงมีอยู่อย่างนั้นไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้จึงไม่เป็นการแปลงหนี้เดิมจึงหาระงับไปไม่จำเลยที่2ยังต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่1อยู่ ฟ้องโจทก์ได้บรรยายว่าจำเลยที่1ได้ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์จำนวนเงินเท่าไรมีจำเลยที่2ค้ำประกันโดยยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมถือว่าคำฟ้องโจทก์แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้วโดยระบุที่มาของหนี้จำนวนหนี้ที่ค้างชำระและความรับผิดของจำเลยที่1และที่2ไว้ชัดแจ้งแล้วว่าจะต้องรับผิดอย่างไรฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม เอกสารส่วนหนึ่งของบัญชีกระแสรายวันซึ่งจำเลยที่1เปิดไว้กับโจทก์ซึ่งเป็นเอกสารเป็นชุดมีจำนวนประมาณ70แผ่นกรณีจึงต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา90(1)เดิมคู่ความฝ่ายที่อ้างอิงพยานหลักฐานเช่นที่ว่านี้ไม่จำต้องยื่นหรือส่งสำเนาเอกสารให้จำเลยตรวจสอบก่อน3วัน