คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 349

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 409 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1102/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีหนี้ – การฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ไม่ได้ทำสัญญากู้เงิน
ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เงินสามีโจทก์ ต่อมาสามีโจทก์ตาย โจทก์เป็นผู้รับมรดก ได้มอบให้ ส.เป็นผู้เก็บรักษาสัญญาไว้และจัดการทรัพย์สินตามเอกสารสัญญา ส.นำสัญญากู้คืนให้จำเลยที่ 1 แล้วทำสัญญากู้ใหม่โดยใส่ชื่อ ส.เป็นผู้ให้กู้และใส่ชื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้กู้แทนโจทก์กับ ส. จึงมีคดีพิพาทกันและทำสัญญายอมความกันไว้ โดย ส.รับว่าเงินรายนี้เป็นของสามีโจทก์จริงโจทก์จึงขอให้บังคับให้จำเลยทั้งสองใช้หนี้เงินกู้นั้น ดังนี้ เมื่อเป็นที่เห็นได้ตามคำฟ้องว่าส.กระทำไปโดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอมในการกระทำระหว่าง ส.กับจำเลยทั้งสอง จะถือว่าโจทก์ฟ้องว่ากรณีเป็นการแปลงหนี้โดยชอบแล้วหาได้ไม่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะที่จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เงินสามีโจทก์ไปได้ ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่ได้กู้เงินสามีโจทก์ไป ก็ไม่มีหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 โจทก์จะฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดด้วยไม่ได้ (อนึ่ง ในปัญหาข้อนี้แม้จำเลยจะขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นว่า โจทก์ฟ้องโดยอาศัยสิทธิเรียกร้องของ ส.ตามสัญญาประนีประนอม แต่โจทก์หรือส.มิได้แจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ 2 ทราบ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง แต่เมื่อศาลเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 เพราะไม่มีหนี้ต่อกัน ดังนี้ ศาลก็ย่อมพิพากษาให้ยกฟ้องคดีสำหรับจำเลยที่ 2 เสียได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 366/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขายฝากไม่มีผลทางกฎหมาย สัญญาเดิมยังใช้บังคับได้
การขายฝาก มีบัญญัติไว้เป็นเอกเทศสัญญาโดยเฉพาะแต่นิติกรรมจะซื้อจะขายฝากมิได้มีบัญญัติไว้ในที่ใดให้มีได้ สัญญาจะซื้อจะขายฝากจึงมีขึ้นไม่ได้ตามกฎหมาย
จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไป แล้วโจทก์จำเลยตกลงกันว่าจำเลยจะขายฝากที่ดินและห้องแถวให้แก่โจทก์ ให้ถือเอาหนี้ตามสัญญากู้นั้นเป็นเงินชำระหนี้บางส่วนตามสัญญาขายฝาก แต่ครั้นเมื่อจำเลยยืนคำขอแบ่งแยกที่ดินเพื่อขายฝากให้โจทก์และเจ้าพนักงานได้บันทึกถ้อยคำโจทก์จำเลยไว้เท่านั้นโจทก์จำเลยก็เกี่ยงงอนกันเรื่องราคา จึงมิได้ทำสัญญาขายฝากกันเป็นหนังสือและจดทะเบียน ดังนี้ เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายฝากมีขึ้นไม่ได้ตามกฎหมายแล้วก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าการกระทำของโจทก์จำเลยดังกล่าวนั้นจะเข้าลักษณะเป็นสัญญาจะซื้อจะขายฝากแล้วหรือไม่และย่อมถือว่ายังไม่มีหนี้อันใดเกิดขึ้นใหม่อันจะเป็นการเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งหนี้เดิมซึ่งจะทำให้หนี้กู้ยืมเดิมต้องระงับสิ้นไปด้วยการแปลงหนี้ใหม่ โจทก์จึงคงมีสิทธินำสัญญากู้ยืมมาฟ้องบังคับจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 366/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อจะขายฝากไม่มีผลทางกฎหมาย หนี้กู้ยืมยังคงมีผลบังคับใช้
การขายฝาก มีบัญญัติไว้เป็นเอกเทศสัญญาโดยเฉพาะ แต่นิติกรรมจะซื้อจะขายฝากมิได้มีบัญญัติไว้ในที่ใดให้มีได้ สัญญาจะซื้อจะขายฝากจึงมีขึ้นไม่ได้ตามกฎหมาย
จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไป แล้วโจทก์จำเลยตกลงกันว่าจำเลยจะขายฝากที่ดินและห้องแถวให้แก่โจทก์ ให้ถือเอาหนี้ตามสัญญากู้เงินนั้นเป็นเงินชำระหนี้บางส่วนตามสัญญาขายฝาก แต่ครั้นเมื่อจำเลยยื่นคำขอแบ่งแยกที่ดินเพื่อขายฝากให้โจทก์ และเจ้าพนักงานได้บันทึกถ้อยคำโจทก์จำเลยไว้เท่านั้น โจทก์จำเลยก็เกี่ยงงอนกันเรื่องราคา จึงมิได้ทำสัญญาขายฝากกันเป็นหนังสือและจดทะเบียน ดังนี้ เมื่อสัญญาจะซื้อจะขายฝากมีขึ้นไม่ได้ตามกฎหมายแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าการกระทำของโจทก์จำเลยดังกล่าวนั้นจะเข้าลักษณะเป็นสัญญาจะซื้อจะขายฝากแล้วหรือไม่ และย่อมถือว่ายังไม่มีหนี้อันใดเกิดขึ้นใหม่อันจะเป็นการเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งหนี้เดิม ซึ่งจะทำให้หนี้กู้ยืมเดิมต้องระงับสิ้นไปด้วยการแปลงหนี้ใหม่ โจทก์จึงคงมีสิทธินำสัญญากู้ยืมมาฟ้องบังคับจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับรองตั๋วแลกเงินและการผัดชำระหนี้ ไม่ถือเป็นการแปลงหนี้หรือสอดเข้าแก้หน้า
ผู้สั่งจ่ายออกตั๋วแลกเงินสั่งให้ผู้จ่ายใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่ผู้รับเงิน มีบุคคลหนึ่งเป็นผู้รับอาวัลด้วย ผู้จ่ายลงนามรับรองแล้ว แต่ไม่ใช้เงินให้ผู้รับเงิน ต่อมาผู้สั่งจ่ายกับผู้รับอาวัลทำบันทึกมอบให้ผู้รับเงินไว้ฉบับหนึ่งมีใจความว่า ขอรับใช้เงินตามตั๋วแลกเงินดังกล่าวนั้นร่วมกันและแทนกัน แต่ขอผัดวันชำระไป และเพื่อเป็นสินเชื่อ ผู้สั่งจ่ายขอนำเอาเครื่องฉายภาพยนต์จำนำผู้รับเงินไว้ การที่ผู้สั่งจ่ายกับผู้รับอาวัลรับรองในเอกสารอื่นมิได้เขียนระบุความลงบนตั๋วแลกเงินนั้นเอง ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 952 เช่น นี้ เรียกไม่ได้ว่า เป็นการรับรองด้วยสอดเข้าแก้หน้าและบันทึกดังกล่าวเป็นเพียงผู้สั่งจ่ายเพิ่มหลักประกันให้ผู้รับเงินเพื่อให้ผ่อนเวลาชำระเงินออกไป มิได้เปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้เดิม หรือตัวเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ ทั้งไม่มีข้อความส่อว่าคู่กรณีจะระงับหนี้ตามตั๋วแลกเงิน โดยให้ถือเอาสัญญาตามบันทึกนี้แทน จึงไม่ใช่การแปลงหนี้ใหม่ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 522/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำสัญญากู้ใหม่หรือรวมหนี้เดิม ไม่เป็นการแปลงหนี้ และการนำสืบที่มาของหนี้ไม่ถือเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร
บุคคลที่เป็นหนี้เงินกู้ต่อกันนั้น อาจตกลงทำหนังสือกู้กันใหม่หรือนำเงินกู้รายก่อน ๆ มารวมในหนังสือกู้ครั้งหลังได้ และการนำสืบถึงที่มาแห่งหนี้ตามสัญญากู้ฉบับหลังย่อมมิใช่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร เพราะแม้นำสืบได้ ก็ไม่เปลี่ยนแปลงแก้ไขความรับผิดตามเอกสาร
หนี้เงินกู้ซึ่งทำหนังสือกู้กันใหม่ โดยรวมจำนวนเงินกู้ครั้งหลังเข้าไว้ด้วยกันนั้น มิใช่เป็นเรื่องแปลงหนี้ใหม่ เพราะไม่มีการเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้แต่อย่างไร
ผู้กู้จะขอนำสืบว่า ผู้ให้กู้เอาจำนวนดอกเบี้ยเกินอัตรามารวมเป็นต้นเงินในสัญญากู้ได้ เพราะเป็นการนำสืบว่าหนี้อันเกิดจากดอกเบี้ยเกินอัตรานั้นไม่สมบูรณ์อย่างหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขาย, การแปลงหนี้, และการรับสภาพหนี้: ความรับผิดของลูกหนี้เดิม
จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นข้าราชการบำนาญขอซื้อไม้จากโจทก์โดยมิได้แจ้งว่าเป็นตัวแทนผู้ใด โจทก์เข้าใจว่าจำเลยที่ 1 ซื้อเองจึงลดราคาไม้ให้ สัญญานี้จึงเป็นสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 โดยตรง ผู้อื่นจะแสดงว่าเป็นตัวการเพื่อเข้ารับสัญญานี้หาทำให้จำเลยต้องหลุดพ้นจากสัญญาไป
การแปลงหนี้ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้นั้น จะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าหนี้ด้วยและจะต้องมีสัญญาเป็นสามฝ่าย คือ ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้เดิม ว่าเจ้าหนี้ยอมรับเอาลูกหนี้ใหม่โดยระงับหนี้ทั้งหมดที่มีอยู่ต่อลูกหนี้เดิม กับมีสัญญาระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ใหม่ว่า ลูกหนี้ใหม่จะเข้ารับชำระหนี้แทนลูกหนี้เก่าด้วย
ถึงแม้อายุความในเรื่องสิทธิเรียกร้องของโจทก์จะเริ่มนับแล้วก็ตาม ถ้าจำเลยตอบรับใบทวงหนี้ของโจทก์ว่าเป็นหนี้โจทก์และไม่ปฏิเสธที่จะชำระหนี้รายนั้น เช่นนี้ ย่อมเป็นการรับสภาพหนี้ มีผลให้อายุความสดุดหยุดลง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1298/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย: การพิจารณาจากเนื้อหาทั้งหมดของฟ้อง และการไม่ถือว่าการชำระหนี้ด้วยเช็คเป็นการแปลงหนี้ใหม่
การพิจารณาคำฟ้องต้องดูทั้งฉบับ เมื่อดูทั้งฉบับแล้วจึงจะเห็นได้ว่า โจทก์ฟ้องอย่างไร แม้โจทก์จะกล่าวในช่องคู่ความข้างต้นกำกวมบ้าง ก็หามีความสำคัญแก่คดีไม่ และไม่ใช่เรื่องที่ศาลจะวินิจฉัยข้อกฎหมายเบื้องต้นตาม ประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ด้วย
ลูกหนี้กู้เงินโจทก์ไปโดยทำหลักฐานให้ไว้ เป็นหนังสือ หลังจากนั้นลูกหนี้คนนั้นออกเช็คเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ แล้วขอรับหลักฐานการกู้เงินคืนไป เช่นนี้ มิใช่เป็นกรณีที่คู่สัญญาได้ทำสัญญาเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งหนี้แต่ประการใด เพราะหนี้ที่มี่ต่อกันนั้นมิได้มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไป ตามกฎหมายจึงมิใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่ ฉะนั้น เมื่อปรากฏต่อมาว่า ลูกหนี้ตาย เช็คของลูกหนี้นั้นยังขึ้นเงินไม่ได้ หนี้เดิมจึงยังหาระงับไปไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1298/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคำฟ้องต้องดูทั้งฉบับ และการแปลงหนี้ใหม่ตามกฎหมาย
การพิจารณาคำฟ้องต้องดูทั้งฉบับ เมื่อดูทั้งฉบับแล้วจึงจะเห็นได้ว่าโจทก์ฟ้องอย่างไร แม้โจทก์จะกล่าวในช่องคู่ความข้างต้นกำกวมบ้าง ก็หามีความสำคัญแก่คดีไม่ และไม่ใช่เรื่องที่ศาลจะวินิจฉัยข้อกฎหมายเบื้องต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ด้วย
ลูกหนี้กู้เงินโจทก์ไปโดยทำหลักฐานให้ไว้เป็นหนังสือหลังจากนั้นลูกหนี้คนนั้นออกเช็คเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์แล้วขอรับหลักฐานการกู้เงินคืนไป เช่นนี้ มิใช่เป็นกรณีที่คู่สัญญาได้ทำสัญญาเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งหนี้แต่ประการใด เพราะหนี้ที่มีต่อกันนั้น มิได้มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไป ตามกฎหมายจึงมิใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่ ฉะนั้น เมื่อปรากฏต่อมาว่าลูกหนี้ตาย เช็คของลูกหนี้นั้นยังขึ้นเงินไม่ได้ หนี้เดิมจึงยังหาระงับไปไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1709/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซื้อขายที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง การเปลี่ยนแปลงฐานสัญญาต้องยกขึ้นกล่าวอ้างตั้งแต่แรก
การที่ผู้ซื้อทรัพย์พิพาทจากจำเลยยอมให้โจทก์ชำระหนี้ค่าซื้อทรัพย์ที่ผู้ซื้อยังค้างชำระแก่จำเลยแทนผู้ซื้อดังนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องการซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลย เพราะโจทก์ไม่ใช่ผู้ซื้อ(โดยตรง) จึงไม่มีมูลหนี้ระหว่างโจทก์และจำเลย(ผู้ขาย) อันจะเป็นเหตุให้โจทก์เรียกให้ใช้เงิน(ที่ชำระแทนผู้ซื้อ)
เมื่อฟ้องตั้งรูปคดีว่าเป็นการซื้อขายโดยตรงระหว่างโจทก์จำเลย และมิได้โต้แย้งว่าเป็นเรื่องแปลงหนี้ใหม่มาจากบุคคลอื่น แต่ในชั้นฎีกาคัดค้านขึ้นมาว่าเป็นเรื่องแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ เป็นการนอกประเด็น เพราะมิได้กล่าวไว้ในฟ้อง และมิได้เป็นข้อโต้แย้งมาแต่ต้น ศาลฎีกาจึงรับวินิจฉัยให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1709/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซื้อขายคลาดเคลื่อน: โจทก์ชำระหนี้แทนผู้ซื้อ มิใช่ผู้ซื้อโดยตรง สัญญาซื้อขายจึงไม่ผูกพัน
การที่ผู้ซื้อทรัพย์พิพาทจากจำเลยยอมให้โจทก์ชำระหนี้ค่าซื้อทรัพย์ที่ผู้ซื้อยังค้างชำระแก่จำเลยแทนผู้ซื้อดังนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องการซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลย เพราะโจทก์ไม่ใช่ผู้ซื้อ(โดยตรง) จึงไม่มีมูลหนี้ระหว่างโจทก์และจำเลย(ผู้ขาย)อันจะเป็นเหตุให้โจทก์เรียกให้ใช้เงิน (ที่ชำระแทนผู้ซื้อ)
เมื่อฟ้องตั้งรูปคดีว่าเป็นการซื้อขายโดยตรงระหว่างโจทก์จำเลย และมิได้โต้แย้งว่าเป็นเรื่องแปลงหนี้ใหม่มาจากบุคคลอื่น แต่ในชั้นฎีกาคัดค้านขึ้นมาว่าเป็นเรื่องแปลงหนี้โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ เป็นการนอกประเด็นเพราะมิได้กล่าวไว้ในฟ้อง และมิได้เป็นข้อโต้แย้งมาแต่ต้น ศาลฎีกาจึงรับวินิจฉัยให้ไม่ได้.
of 41