พบผลลัพธ์ทั้งหมด 409 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าช่วงและการระงับสัญญาเช่าเดิม การขยายพื้นที่เช่าถือเป็นการทำสัญญาใหม่
การที่ผู้เช่าจะให้เช่าช่วงที่ ๆ เช่ามาจากผู้ให้เช่าได้ ต้องนำสืบได้ว่าได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่า การที่จำเลยผู้เช่านำสืบได้เพียงว่าในการให้เช่าช่วงนั้นผู้ให้เช่าเพียงรู้หรือควรรู้เท่านั้นยังไม่พอ
จำเลยผู้เช่าที่ได้ทำสัญญาเช่าที่ 2 คราว คราวแรกและคราวที่ 2 ในการเช่าคราวหลัง (คราวที่ 2) ได้ขยายบริเวณเช่าออกไปอีกมากกว่าเก่า และนำเอาสัญญาเช่าเก่ามารวมกับสัญญาใหม่ด้วย เช่นนี้ ถือว่าสัญญาเช่าที่ทำครั้งแรกระงับไป
จำเลยผู้เช่าที่ได้ทำสัญญาเช่าที่ 2 คราว คราวแรกและคราวที่ 2 ในการเช่าคราวหลัง (คราวที่ 2) ได้ขยายบริเวณเช่าออกไปอีกมากกว่าเก่า และนำเอาสัญญาเช่าเก่ามารวมกับสัญญาใหม่ด้วย เช่นนี้ ถือว่าสัญญาเช่าที่ทำครั้งแรกระงับไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1551/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าช่วงต้องได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่า หากสัญญาเช่าเดิมรวมกับสัญญาใหม่ สัญญาเดิมย่อมระงับ
การที่ผู้เช่าจะให้เช่าช่วงที่ที่เช่ามาจากผู้ให้เช่าได้ ต้องนำสืบได้ว่าได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่า การที่จำเลยผู้เช่านำสืบได้เพียงว่าในการให้เช่าช่วงนั้นผู้ให้เช่าเพียงรู้หรือควรรู้เท่านั้นยังไม่พอ
จำเลยผู้เช่าที่ได้ทำสัญญาเช่าที่ 2 คราว คราวแรกและคราวที่ 2 ในการเช่าคราวหลัง(คราวที่ 2) ได้ขยายบริเวณเช่าออกไปอีกมากกว่าเก่า และนำเอาสัญญาเช่าเก่ามารวมกับสัญญาใหม่ด้วย เช่นนี้ ถือว่าสัญญาเช่าที่ทำครั้งแรกระงับไป
จำเลยผู้เช่าที่ได้ทำสัญญาเช่าที่ 2 คราว คราวแรกและคราวที่ 2 ในการเช่าคราวหลัง(คราวที่ 2) ได้ขยายบริเวณเช่าออกไปอีกมากกว่าเก่า และนำเอาสัญญาเช่าเก่ามารวมกับสัญญาใหม่ด้วย เช่นนี้ ถือว่าสัญญาเช่าที่ทำครั้งแรกระงับไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 644/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมระหว่างลูกหนี้ร่วมไม่ผูกพันลูกหนี้ที่ไม่ได้ร่วมทำสัญญา และไม่ถือเป็นการแปลงหนี้
การที่โจทก์กับจำเลยที่ 1-2 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยที่ 1-2 ยอมใช้ต้นเงิน 100,000 บาท กับดอกเบี้ยซึ่งจำเลยที่ 3 เป็นผู้เซ็นชื่อกู้เงินนี้จากโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 1-2 นั้นไม่ทำให้จำเลยที่ 3 ซึ่งต่อสู้คดีไปคนละประเด็นกับจำเลยที่ 1-2พ้นผิด เพราะการทำสัญญาประนีประนอมดังกล่าวเป็นแต่สัญญาระงับข้อพิพาท ไม่ใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่ ไม่ใช่เป็นการที่ลูกหนี้ร่วมชำระหนี้ และไม่ใช่เป็นการปลดหนี้เพราะในสัญญาประนีประนอมนั้นมิได้ระบุให้จำเลยที่ 3 พ้นความผิด ศาลชั้นต้นต้องพิจารณาคดีระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 3 ต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 432/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้ด้วยการชำระหนี้ด้วยทรัพย์สิน และผลของการระงับหนี้เดิม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้เงินแล้วไม่ชำระ เป็นหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยโจทก์แล้วจำเลยทำเอกสารฉบับหนึ่งรับรองหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยดังกล่าวพร้อมทั้งตกลงจะสละสิทธิครอบครองที่ดินนาและที่ดินบ้านให้โจทก์แทนแล้วจำเลยไม่ยอมให้ตามข้อตกลงจึงฟ้องขอให้ชำระหนี้เงินกู้ แต่เอกสารรับรองหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยมีข้อตกลงไว้ชัดเจนระหว่างโจทก์จำเลยว่าจำเลยไม่มีเงินใช้หนี้จึงได้ยกนาและบ้านใช้แทนและในตอนสุดท้ายมีความว่าถ้าจำเลยปกครองที่ดินแปลงนี้เวลาใดให้โจทก์นำใบมอบนี้ไปฟ้องต่อศาลขอให้ตัดสินให้จำเลยเป็นฝ่ายแพ้ถือว่าเอกสารหนังสือนี้เป็นการแปลงหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 349 โจทก์จะนำเอกสารฉบับนี้มาฟ้องเรียกหนี้เดิมย่อมไม่ได้ เพราะ กฎหมายถือว่าหนี้เดิมระงับไปแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 432/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้ด้วยการชำระหนี้ด้วยทรัพย์สิน (นาและบ้าน) ทำให้หนี้เดิมระงับตาม ป.พ.พ.ม.349
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้เงินแล้วไม่ชำระ เป็นหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยโจทก์แล้วจำเลยทำเอกสารฉบับหนึ่งรับรองหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยดังกล่าวพร้อมทั้งตกลงจะสละสิทธิครอบครองที่ดินนาและที่ดินบ้านให้โจทก์แทน แล้วจำเลยไม่ยอมให้ตามข้อตกลง จึงฟ้องขอให้ชำระหนี้เงินกู้ แต่เอกสารรับรองหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยมีข้อตกลงไว้ชัดเจนระหว่างโจทก์จำเลยว่า จำเลยไม่มีเงินใช้หนี้จึงได้ยกนาและบ้านใช้แทน และในตอนสุดท้ายมีความว่าถ้าจำเลยปกครองที่ดินแปลงนี้เวลาใดให้โจทก์นำใบมอบนี้ไปฟ้องต่อศาลขอให้ตัดสินให้จำเลยเป็นฝ่ายแพ้คือว่าเอกสารหนังสือนี้เป็นการแปลงหนี้ตาม ป.พ.พ.ม.349 จะนำเอกสารฉบับนี้มาฟ้องเรียกหนี้เดิมย่อมไม่ได้ เพราะ ก.ม. ถือว่าหนี้เดิมระงับไปแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1402/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้โดยการทำสัญญากู้ใหม่ ย่อมถือว่ามีการยินยอมเป็นหนังสือโดยปริยาย
ในการแปลงหนี้ใหม่โดยการเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ซึ่งกระทำกันโดยลูกหนี้ทำหนังสือสัญญากู้ยืมให้เจ้าหนี้ใหม่นั้นเพียงเท่านี้ก็ถือได้ว่ามีการยินยอมเป็นหนังสืออยู่ในตัวแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1402/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้โดยการทำสัญญากู้ใหม่ ถือว่ามีการยินยอมเป็นหนังสือในตัวแล้ว
ในการแปลงหนี้ใหม่โดยการเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ซึ่งกระทำกันโดยลูกหนี้ทำหนังสือสัญญากู้ยืมให้เจ้าหนี้ใหม่นั้นเพียงเท่านี้ ก็ถือได้ว่ามีการยินยอมเป็นหนังสืออยู่ในตัวแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 612/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจผู้รับโอนตั๋วเงินดีกว่าผู้โอน ผู้สั่งจ่ายเช็คต้องรับผิดชอบแม้มีข้อพิพาทกับผู้โอน
ได้ความว่าจำเลยที่ 1 ออกเช็คสั่งจ่ายเงินลงวันล่วงหน้าให้แก่บริษัทโรงงานฝ้ายกรุงเทพฯๆ สลักหลังโอนให้โจทก์ๆ ผู้ทรงเช็คได้รับไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนแล้วถือว่าเช็คนั้นย่อมสมบูรณ์จำเลยจะยกข้อต่อสู้ในเรื่องที่โจทก์ทำสัญญาประนีประนอมกับบริษัทโรงงานฝ้ายกรุงเทพฯ ผู้โอนเช็คขึ้นมาต่อสู้มิได้เพราะในหลักเรื่องตั๋วเงินมีว่าผู้รับโอนย่อมมีอำนาจดีกว่าผู้โอนหาใช่ผู้โอนมีอำนาจดีกว่าผู้รับโอนดังนั้นผู้สั่งจ่ายเช็คและผู้สลักหลังยอมรับผิดต่อผู้ทรงเช็คคือโจทก์เมื่อโจทก์ยังไม่ได้รับชำระหนี้เงินตามเช็คเต็มจำนวนแล้วโจทก์มีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากจำเลยได้ ทั้งมิใช่เป็นการแปลงหนี้ตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา349 เพราะระหว่างโจทก์และบริษัทโรงงานฝ้ายมิได้ทำสัญญาเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ยังคงปฏิบัติถือตามหนี้เดิมอยู่
แต่เมื่อได้ความว่าโจทก์ได้รับชำระหนี้ที่โรงงานฝ้ายโอนเช็คใช้ให้ครบจำนวนแล้วโจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่เรียกเงินจากจำเลยผู้สั่งจ่ายเช็คได้อีก
แต่เมื่อได้ความว่าโจทก์ได้รับชำระหนี้ที่โรงงานฝ้ายโอนเช็คใช้ให้ครบจำนวนแล้วโจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่เรียกเงินจากจำเลยผู้สั่งจ่ายเช็คได้อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 612/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คสั่งจ่าย-การโอนสิทธิ-การรับผิดของผู้สั่งจ่ายและผู้สลักหลัง
ได้ความว่าจำเลยที่ 1 ออกเช็คสั่งจ่ายเงินล่วงหน้าให้แก่โรงงานฝ้ายกรุงเทพฯ ๆ สลักหลังโอนให้โจทก์ ๆ ผู้ทรงเช็คได้รับไว้โดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนแล้วถือว่าเช็คนั้นย่อมสมบูรณ์ จำเลยจะยกข้อต่อสู้ในเรื่องที่โจทก์ทำสัญญาประนีประนอมกับบริษัทโรงงานฝ้ายกรุงเทพฯ ผู้โอนเช็คขึ้นมาต่อสู้มิได้ เพราะในหลักเรื่องตั๋วเงินมีว่าผู้รับโอนย่อมมีอำนาจดีกว่าผู้โอนเช็คให้ผู้โอนมีอำนาจดีกว่าผู้รับโอน ดังนั้นผู้สั่งจ่ายเช็คและผู้สลักหลังย่อมรับผิดต่อผู้ทรงเช็คคือโจทก์ เมื่อโจทก์ยังไม่ได้รับชำระหนี้เงินตามเช็คเต็มจำนวนแล้ว โจทก์มีสิทธิไล่เบี้ยเอาจากจำเลยได้ ทั้งมิใช่เป็นการแปลงหนี้ตามความใน ป.พ.พ. ม.349 เพราะระหว่างโจทก์และบริษัทโรงงานฝ้ายมิได้ทำสัญญาเปลี่ยนซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้ที่โรงงานฝ้ายโอนเช็คใช้ให้ครบจำนวนแล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่เรียกเงินจากจำเลยผู้สั่งจ่ายเช็คได้อีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1466/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้: หนี้เดิมระงับเมื่อทำสัญญากู้ใหม่ สัญญาซื้อขายเดิมใช้ไม่ได้
หนี้เดิมเป็นการตกลงซื้อขายที่ดินกัน ฝ่ายจำเลยไม่มีเงินพอจะจ่ายได้ครบตามจำนวนเงินที่ได้ตกลงซื้อขาย จึงตกลงทำสัญญากู้ขึ้นเฉพาะจำนวนเงินที่ยังขาด ถือว่าเป็นการแปลงสาระสำคัญแห่งหนี้ หนี้เดิม(จำนวนเงินที่ยังขาด) จึงเป็นอันระงับสิ้นไปด้วย การแปลงหนี้ใหม่ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 349
จำเลยจะอาศัยสัญญาซื้อขายที่ดินซึ่งปรากฏว่าโจทก์ได้รับเงินค่าซื้อขายที่ดินไปครบถ้วนแล้ว มาเป็นข้ออ้างให้ไม่ต้องชำระเงินตามสัญญากู้ที่แปลงขึ้นใหม่หาได้ไม่ เพราะหนี้เก่าได้แปลงเป็นหนี้ใหม่แล้ว หนี้เก่าหรือหนี้เดิมเป็นอันระงับสิ้นไปตาม กฎหมายแล้ว แต่มีหนี้ใหม่เข้ามาแทนหาได้ระงับสิ้นไปด้วยไม่
จำเลยจะอาศัยสัญญาซื้อขายที่ดินซึ่งปรากฏว่าโจทก์ได้รับเงินค่าซื้อขายที่ดินไปครบถ้วนแล้ว มาเป็นข้ออ้างให้ไม่ต้องชำระเงินตามสัญญากู้ที่แปลงขึ้นใหม่หาได้ไม่ เพราะหนี้เก่าได้แปลงเป็นหนี้ใหม่แล้ว หนี้เก่าหรือหนี้เดิมเป็นอันระงับสิ้นไปตาม กฎหมายแล้ว แต่มีหนี้ใหม่เข้ามาแทนหาได้ระงับสิ้นไปด้วยไม่