คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 349

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 409 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ให้บุคคลภายนอกไม่ใช่การแปลงหนี้ใหม่ ศาลต้องพิจารณาพยานหลักฐานเพิ่มเติม
การที่เจ้าหนี้กับลูกหนี้ตกลงกันให้ลูกหนี้ชำระหนี้แก่บุคคลภายนอก ไม่ใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่ โดยเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ กรณีต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374
หากคดียังมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาต่อไปอีกแต่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานเสีย ศาลสูงย่อมสั่งให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ให้บุคคลภายนอกไม่ใช่การแปลงหนี้ใหม่ ศาลต้องพิจารณาประเด็นอื่นเพิ่มเติม
การที่เจ้าหนี้กับลูกหนี้ตกลงกันให้ลูกหนี้ชำระหนี้แก่บุคคลภายนอก ไม่ใช่เป็นการแปลงหนี้ใหม่ โดยเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ กรณีต้องตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 374
หากคดียังมีประเด็นที่จะต้องพิจารณาต่อไปอีกแต่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานเสียศาลสูงย่อมสั่งให้ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1896/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาหายและสัญญาใหม่: ความรับผิดของลูกหนี้ที่ไม่ลงชื่อ
โจทก์ฟ้องลูกหนี้สองคนโดยกล่าวว่า เดิมจำเลยทั้งสองได้กู้เงินโจทก์ไป ต่อมาสัญญาหายโดยถูกคนร้ายปล้น โจทก์จึงให้จำเลยทำสัญญาให้ใหม่และเพิ่มหนี้ขึ้นอีก โดยลูกหนี้คนหนึ่งลงชื่อเป็นผู้กู้ ลูกหนี้อีกคนหนึ่งไม่ยอมลงชื่อเป็นผู้กู้ ดังนี้ถือว่า โจทก์ฟ้องโดยอาศัยสัญญาฉบับหลังเท่านั้น ส่วนสัญญาฉบับเดิมนั้น โจทก์ไม่ได้กล่าวเป็นสิทธิฟ้องร้องโจทก์เพียงแต่กล่าวท้าวถึงมูลหนี้เดิมว่าเป็นอย่างไรเท่านั้น ลูกหนี้ที่ไม่ได้ลงชื่อในสัญญาฉะบับหลังไม่ต้องรับผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1896/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเดิมสูญหาย ฟ้องโดยใช้สัญญาใหม่เฉพาะผู้ลงชื่อรับผิด
โจทก์ฟ้องลูกหนี้สองคนโดยกล่าวว่า เดิมจำเลยทั้งสองได้กู้เงินโจทก์ไป ต่อมาสัญญาหายโดยถูกคนร้ายปล้น โจทก์จึงให้จำเลยทำสัญญาให้ใหม่และเพิ่มหนี้ขึ้นอีก โดยลูกหนี้คนหนึ่งลงชื่อเป็นผู้กู้ ลูกหนี้อีกคนหนึ่ง ไม่ยอมลงชื่อเป็นผู้กู้ ดังนี้ถือว่า โจทก์ฟ้องโดยอาศัยสัญญาฉบับหลังเท่านั้น ส่วนสัญญาฉบับเดิมนั้น โจทก์ไม่ได้กล่าวเป็นสิทธิฟ้องร้องโจทก์เพียงแต่กล่าวท้าวถึงมูลหนี้เดิมว่าเป็นอย่างไรเท่านั้น ลูกหนี้ที่ไม่ได้ลงชื่อในสัญญาฉบับหลังไม่ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1478/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำนอง vs. ขายฝาก: การเปลี่ยนแปลงข้อตกลงจากซื้อขายเป็นจำนองมีผลอย่างไร
โจทก์ได้ทำสัญญาจำนองที่นาไว้กับจำเลย โดยมอบนาให้ทำต่างดอกเบี้ย ต่อมาโจทก์ต้องการเงิน ได้ตกลงจะขายที่นาให้แก่จำเลย แต่การขายต้องรังวัดและประกาศโฆษณา โจทก์ต้องการเงินด่วนจึงได้ทำกรมธรรมสัญญา เป็นการเพิ่มเงินจำนอง ดังนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงแก้และเลิกข้อความตกลงเรื่องซื้อขายมาทำเป็นจำนองแล้ว จะนำสืบถึงการซื้อขายอีกก็ไม่เป็นประโยชน์แก่คดี
ทำกรมธรรม์จำนองที่นาแต่มอบที่นาให้ทำต่างดอกเบี้ยเมื่อใช้ ป.ม.แพ่งฯบรรพ 3 แล้ว ไม่เป็นการให้สัญญาจำนองกลับกลายเป็นสัญญาขายฝากได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1478/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำนอง vs. ขายฝาก: การเปลี่ยนแปลงข้อตกลงเดิมเป็นจำนองใหม่ ไม่ถือเป็นการขายฝาก
โจทก์ได้ทำสัญญาจำนองที่นาไว้กับจำเลย โดยมอบนาให้ทำต่างดอกเบี้ย ต่อมาโจทก์ต้องการเงิน ได้ตกลงจะขายที่นาให้แก่จำเลย แต่การขายต้องรังวัดและประกาศโฆษณา โจทก์ต้องการเงินด่วนจึงได้ทำกรมธรรม์สัญญา เป็นการเพิ่มเงินจำนอง ดังนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงแก้และเลิกข้อความตกลงเรื่องซื้อขายมาทำเป็นจำนองแล้ว จำนำสืบถึงการซื้อขายอีกก็ไม่เป็นประโยชน์แก่คดี
ทำกรมธรรม์จำนองที่นาแต่มอบที่นาให้ทำต่างดอกเบี้ยเมื่อใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 แล้ว ไม่เป็นการทำให้สัญญาจำนองกลับกลายเป็นสัญญาขายฝากได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 662/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้ดอกเบี้ยเป็นหนี้ต้นเงินใหม่ อายุความ 10 ปี
การที่ตกลงกันเอาดอกเบี้ยจำนองที่ค้างชำระมาทำบันทึกท้ายสัญญาจำนอง เป็นรับต้นเงินเพิ่มขึ้นนั้น มีผลทำให้หนี้ดอกเบี้ยเดิมระงับ กลายเป็นหนี้ต้นเงินขึ้นใหม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่ง มาตรา 655ซึ่งมีอายุความ 10 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้จำนองเป็นขายฝาก: สัญญาจำนองระงับ และการคิดดอกเบี้ยค้างชำระเป็นต้นเงิน
เดิมจดทะเบียนจำนองที่ไว้แก่เขาภายหลังตกลงเปลี่ยนเป็นทำสัญญาจดทะเบียนขายฝากดังนี้ เป็นการแปลงหนี้จำนองเดิมเป็นขายฝากสัญญาจำนองเดิมเป็นอันระงับสิ้นไปในตัว บังคับตามสัญญาขายฝากได้โดยไม่จำต้องจดทะเบียนเพิกถอนสัญญาจำนองเดิมเสียก่อน
การตกลงกันให้เอาดอกเบี้ยที่ค้างอยู่กว่า 5 ปีตามสัญญาจำนองมาคิดรวมเป็นต้นเงินในสัญญาขายฝากที่ทำขึ้นใหม่นั้นหาต้องห้ามตามกฎหมายไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 616-617/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาปราณีประนอมที่ไม่ผูกมัดบุคคลที่สาม สิทธิบังคับคดีไม่ระงับ
ผู้ให้เช่ากับผู้ให้เช่าช่วงเป็นโจทก์ร่วมกัน ฟ้องขับไล่จำเลยศาลพิพากษาให้ขับไล่แล้ว ต่อมาผู้ให้เช่าช่วงไปทำสัญญายอมให้จำเลยเช่าต่อไป โดยได้รับสินจ้างและให้ถอนคดีที่จำเลยฟ้องผู้ให้เช่ากับผู้ให้เช่าช่วงนั้นถือว่าเป็นสัญญาปราณีประนอมเมื่อผู้ให้เช่ามิได้รู้เห็นด้วยก็ไม่ผูกมัดผู้ให้เช่าฯ จึงร้องขอบังคับคดีได้
(บันทึกความจำ สัญญาเช่าระหว่างนายเกตุกับกรมการศาสนา ห้ามผู้เช่าให้เช่าช่วงและห้ามไม่ให้ปลูกสิ่งสร้างสิ่งใดสอาด)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 237/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตกลงใหม่หลังผิดสัญญาเดิม ทำให้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากการผิดสัญญาเดิมสิ้นสุด และเงินมัดจำต้องคืน
เมื่อคู่สัญญาฝ่ายหนึ่งผิดสัญญาไม่ส่งของภายในกำหนดแล้วอีกฝ่ายหนึ่งมิได้บอกเลิกกลับรับเอาการปฏิบัติตามสัญญานั้นอีก ดังนี้ ถือว่ามีข้อตกลงกันใหม่ ยกเลิกสัญญาเดิม คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะเรียกร้องให้ใช้ค่าทดแทนเนื่องในการผิดสัญญาเดิมนั้นอีกไม่ได้
สัญญาเดิมมีข้อความตกลงเรื่องมัดจำไว้ เมื่อคู่สัญญาเปลี่ยนข้อตกลงกันใหม่ โดยไม่ได้กล่าวถึงเงินมัดจำและไม่ปรากฏว่าผู้รับมัดจำมีสิทธิยึดมัดจำไว้แล้ว เงินมัดจำนั้นก็ต้องคืน
of 41