คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 23

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 698 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 906/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องจากความไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล และการขยายเวลาชำระค่าฤชาธรรมเนียม
ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยนำส่งสำเนาคำร้องขอให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ให้โจทก์ภายใน 7 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งคำร้อง จำเลยมิได้นำส่ง เป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดถือได้ว่าจำเลยทิ้งคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) แม้จำเลยจะมิได้จงใจทิ้งคำร้องก็ไม่มีกฎหมายให้ศาลยกขึ้นพิจารณาใหม่ได้
จำเลยกล่าวในคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินและในฎีกาว่าขอให้ศาลกรุณาสั่งขยายระยะเวลาการวางเงินที่จำเลยต้องเสียแทนโจทก์และค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ต่อไป ดังนี้ หาใช่คำร้องขอขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ซึ่งเป็นเรื่องที่จะทำได้เมื่อมีพฤติการณ์พิเศษไม่ แต่เป็นเรื่องขอให้ศาลฎีกาใช้อำนาจทั่วไปที่มีอยู่กำหนดเวลาชำระค่าธรรมเนียมให้ใหม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 906/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องและการขยายเวลาชำระค่าฤชาธรรมเนียม: การเพิกเฉยต่อการดำเนินการตามคำสั่งศาลถือเป็นการทิ้งฟ้อง
ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยนำส่งสำเนาคำร้องขอให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ให้โจทก์ภายใน 7 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งคำร้อง จำเลยมิได้นำส่ง เป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดถือได้ว่าจำเลยทิ้งคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) แม้จำเลยจะมิได้จงใจทิ้งคำร้องก็ไม่มีกฎหมายให้ศาลยกขึ้นพิจารณาใหม่ได้
จำเลยกล่าวในคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินและในฎีกาว่าขอให้ศาลกรุณาสั่งขยายระยะเวลาการวางเงินที่จำเลยต้องเสียแทนโจทก์และค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ต่อไป ดังนี้ หาใช่คำร้องขอขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ซึ่งเป็นเรื่องที่จะทำได้เมื่อมีพฤติการณ์พิเศษไม่ แต่เป็นเรื่องขอให้ศาลฎีกาใช้อำนาจทั่วไปที่มีอยู่กำหนดเวลาชำระค่าธรรมเนียมให้ใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 906/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องคดีแพ่งจากความไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล และการขยายเวลาชำระค่าธรรมเนียม
ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยนำส่งสำเนาคำร้องขอให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาใหม่ให้โจทก์ภายใน 7 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งคำร้องจำเลยมิได้นำส่ง เป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดถือได้ว่าจำเลยทิ้งคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) แม้จำเลยจะมิได้จงใจทิ้งคำร้องก็ไม่มีกฎหมายให้ศาลยกขึ้นพิจารณาใหม่ได้ จำเลยกล่าวในคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินและในฎีกาว่าขอให้ศาลกรุณาสั่งขยายระยะเวลาการวางเงินที่จำเลยต้องเสียแทนโจทก์และค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ต่อไป ดังนี้ หาใช่คำร้องขอขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23ซึ่งเป็นเรื่องที่จะทำได้เมื่อมีพฤติการณ์พิเศษไม่ แต่เป็นเรื่องขอให้ศาลฎีกาใช้อำนาจทั่วไปที่มีอยู่กำหนดเวลาชำระค่าธรรมเนียมให้ใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2900/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายระยะเวลาอุทธรณ์: เหตุผลความจำเป็นและผลกระทบต่อรูปคดี
ข้ออ้างของทนายจำเลยในการขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ที่ว่า จำเลยไม่นำหนังสือรับรองที่ใช้ประกอบคำอุทธรณ์มาให้ทนายจำเลยกับอ้างประโยชน์แห่งความยุติธรรม และมิได้ทำให้โจทก์เสียเปรียบในรูปคดีนั้น มิใช่พฤติการณ์พิเศษที่ศาลจะสั่งขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบกับ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2900/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ต้องมีเหตุผลพิเศษ การอ้างเหตุผลทั่วไปและการไม่ส่งเอกสารประกอบคำอุทธรณ์ไม่ถือเป็นเหตุพิเศษ
ข้ออ้างของทนายจำเลยในการขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ที่ว่าจำเลยไม่นำหนังสือรับรองที่ใช้ประกอบคำอุทธรณ์มาให้ทนายจำเลยกับอ้างประโยชน์แห่งความยุติธรรม และมิได้ทำให้โจทก์เสียเปรียบในรูปคดีนั้น มิใช่พฤติการณ์พิเศษที่ศาลจะสั่งขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ประกอบกับ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2762/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่จำเลยในการชำระค่าธรรมเนียมศาล แม้ทนายจำเลยอ้างติดขัดในการติดต่อ
ทนายจำเลยลงนามทราบคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมต่อศาลชั้นต้นภายใน 10 วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง ต้องถือว่าตัวจำเลยทราบคำสั่งและต้องนำเงินมาชำระค่าฤชาธรรมเนียมภายในกำหนด แม้จะฟังตามที่ทนายจำเลยอ้างว่าจำเลยไปต่างจังหวัด ไม่อาจติดต่อได้ ก็มิใช่พฤติการณ์พิเศษหรือมีเหตุสุดวิสัยที่สมควรอันจะขยายระยะเวลาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2762/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่จำเลยในการชำระค่าธรรมเนียมศาล แม้ทนายอ้างติดต่อไม่ได้
ทนายจำเลยลงนามทราบคำสั่งของศาลอุทธรณ์ที่ให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมต่อศาลชั้นต้นภายใน 10 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งต้องถือว่าตัวจำเลยทราบคำสั่งและต้องนำเงินมาชำระค่าฤชาธรรมเนียมภายในกำหนด แม้จะฟังตามที่ทนายจำเลยอ้างว่าจำเลยไปต่างจังหวัด ไม่อาจติดต่อได้ ก็มิใช่พฤติการณ์พิเศษหรือมีเหตุสุดวิสัยที่สมควรอันจะขยายระยะเวลาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 23.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2522/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีของสาขาบริษัทต่างประเทศ: ผู้จัดการสาขาต้องได้รับมอบอำนาจเฉพาะเจาะจง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดจดทะเบียนในประเทศออสเตรเลีย แต่มีสาขาอยู่ในประเทศไทย โดยมี อ.ผู้รับมอบอำนาจคดีนี้เป็นผู้จัดการสาขาในกรุงเทพมหานคร แสดงว่า อ.ไม่ใช่ผู้จัดการบริษัทโจทก์ในประเทศออสเตรเลีย อ. จึงไม่ใช่ผู้แทนนิติบุคคลตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 75 เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าบริษัทโจทก์มอบอำนาจให้ อ. ฟ้องคดี ดังนี้ อ. ซึ่งเป็นเพียงผู้จัดการสาขาของบริษัทโจทก์ในประเทศไทย จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้แทนโจทก์ได้ (เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 925/2503)
ในคดีฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีอากร เมื่อศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลจะกำหนดไว้ในคำพิพากษาว่า ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคดีมาฟ้องใหม่ภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษาก็ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2522/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีของสาขาบริษัทต่างประเทศ ผู้รับมอบอำนาจต้องได้รับมอบอำนาจเฉพาะเพื่อฟ้องคดี
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดจดทะเบียนในประเทศออสเตรเลีย แต่มีสาขาอยู่ในประเทศไทย โดยมี อ.ผู้รับมอบอำนาจคดีนี้เป็นผู้จัดการสาขาในกรุงเทพมหานครแสดงว่า อ.ไม่ใช่ผู้จัดการบริษัทโจทก์ในประเทศออสเตรเลียอ.จึงไม่ใช่ผู้แทนนิติบุคคลตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 75 เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าบริษัทโจทก์มอบอำนาจให้ อ.ฟ้องคดีดังนี้อ. ซึ่งเป็นเพียงผู้จัดการสาขาของบริษัทโจทก์ในประเทศไทย จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้แทนโจทก์ได้ (เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่925/2503)
ในคดีฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีอากร เมื่อศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลจะกำหนดไว้ในคำพิพากษาว่า ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคดีมาฟ้องใหม่ภายในกำหนด 30 วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษาก็ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2362/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทราบคำสั่งศาล: ผลของการไม่ชำระค่าขึ้นศาลตามกำหนด และการทิ้งฎีกา
ศาลชั้นต้นสั่งในฎีกาของผู้ร้องในวันที่ผู้ร้องยื่นฎีกานั้นเอง ให้ผู้ร้องนำเงินค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์มาชำระให้ครบถ้วนภายใน 7 วัน นับแต่วันที่สั่งนั้นและในท้ายฎีกามีข้อความว่า ผู้ร้องรอฟังคำสั่งศาลอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้วดังนี้ ต้องถือว่าผู้ร้องได้ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นในวันที่ศาลชั้นต้นสั่งในฎีกาของผู้ร้องเมื่อผู้ร้องไม่นำเงินค่าขึ้นศาลมาชำระภายใน 7 วันตามคำสั่ง ต้องถือว่าผู้ร้องทิ้งฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) ประกอบกับมาตรา 153 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483
การยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลานำค่าขึ้นศาลมาชำระเมื่อสิ้นระยะเวลาที่ศาลกำหนดไว้แล้ว และไม่ใช่กรณีมีเหตุสุดวิสัยนั้น ไม่มีเหตุที่ศาลจะอนุญาต.
of 70