พบผลลัพธ์ทั้งหมด 698 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2362/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทราบคำสั่งชำระค่าขึ้นศาล และผลของการทิ้งฎีกาจากเหตุไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล
ศาลชั้นต้นสั่งในฎีกาของผู้ร้องในวันที่ผู้ร้องยื่นฎีกานั้นเอง ให้ผู้ร้องนำเงินค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์มาชำระให้ครบถ้วนภายใน 7 วัน นับแต่วันที่สั่งนั้นและในท้ายฎีกามีข้อความว่า ผู้ร้องรอฟังคำสั่งศาลอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้วดังนี้ ต้องถือว่าผู้ร้องได้ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นในวันที่ศาลชั้นต้นสั่งในฎีกาของผู้ร้องเมื่อผู้ร้องไม่นำเงินค่าขึ้นศาลมาชำระภายใน 7 วันตามคำสั่ง ต้องถือว่าผู้ร้องทิ้งฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) ประกอบกับมาตรา 153 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483
การยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลานำค่าขึ้นศาลมาชำระเมื่อสิ้นระยะเวลาที่ศาลกำหนดไว้แล้ว และไม่ใช่กรณีมีเหตุสุดวิสัยนั้น ไม่มีเหตุที่ศาลจะอนุญาต.
การยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลานำค่าขึ้นศาลมาชำระเมื่อสิ้นระยะเวลาที่ศาลกำหนดไว้แล้ว และไม่ใช่กรณีมีเหตุสุดวิสัยนั้น ไม่มีเหตุที่ศาลจะอนุญาต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2188/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาล: เหตุผลพิเศษต้องเกิดจากเหตุการณ์นอกเหนือการควบคุมของจำเลย
การที่จำเลยที่ 2 ยื่นอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลออกไปอีกสิบวันโดยอ้างว่ากรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 2 ผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินต้องเดินทางไปต่างประเทศกะทันหันเกี่ยวกับธุรกิจสำคัญของบริษัทก่อนครบกำหนดยื่นอุทธรณ์สองวัน ทนายจำเลยที่ 2 มิได้เตรียมเบิกเงินค่าธรรมเนียมศาลไว้ก่อน จึงไม่อาจชำระค่าธรรมเนียมศาลในวันยื่นอุทธรณ์ได้นั้นถือว่าเป็นความผิดหรือบกพร่องของจำเลยที่ 2 เองมิใช่มีพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะพึงมีคำสั่งขยายเวลาการชำระค่าธรรมเนียมศาลให้จำเลยที่ 2 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2188/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาล: เหตุผลจากความผิดพลาดของจำเลย ไม่ถือเป็นพฤติการณ์พิเศษ
คำร้อง ของ จำเลยขอขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์อ้างเหตุว่ากรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินต้องเดินทางไปต่างประเทศกะทันหันเกี่ยวกับธุรกิจสำคัญของบริษัททนายจำเลยมิได้เตรียมเบิกเงินค่าธรรมเนียมศาลไว้ก่อนเนื่องจากไม่คาดคิดว่ากรรมการผู้จัดการจะต้องเดินทางกะทันหัน จึงไม่อาจชำระค่าธรรมเนียมศาลในกำหนดนั้น พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นเพราะความผิดหรือบกพร่องของจำเลยเอง ยังถือไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะพึงมีคำสั่งขยายระยะเวลาการชำระค่าธรรมเนียมศาลให้จำเลยได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2188/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาล: เหตุผลความผิดพลาดของจำเลยไม่ใช่พฤติการณ์พิเศษ
การที่จำเลยที่ 2 ยื่นอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลออกไปอีกสิบวันโดยอ้างว่ากรรมการผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ 2 ผู้มีอำนาจสั่งจ่ายเงินต้องเดินทางไปต่างประเทศกะทันหันเกี่ยวกับธุรกิจสำคัญของบริษัทก่อนครบกำหนดยื่นอุทธรณ์สองวัน ทนายจำเลยที่ 2 มิได้เตรียมเบิกเงินค่าธรรมเนียมศาลไว้ก่อน จึงไม่อาจชำระค่าธรรมเนียมศาลในวันยื่นอุทธรณ์ได้นั้นถือว่าเป็นความผิดหรือบกพร่องของจำเลยที่ 2 เองมิใช่มีพฤติการณ์พิเศษอันศาลจะพึงมีคำสั่งขยายเวลาการชำระค่าธรรมเนียมศาลให้จำเลยที่ 2 ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2118/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินคดีอนาถาต้องมีเหตุผลสมควรในการอุทธรณ์ และศาลมีอำนาจกำหนดเวลาชำระค่าธรรมเนียมได้
การขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาชั้นอุทธรณ์นั้น นอกจากโจทก์จะเป็นคนยากจนแล้ว คดีของโจทก์ต้องมีเหตุผลสมควรที่จะอุทธรณ์ด้วย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์ เนื่องจากคดีของโจทก์ไม่มีเหตุผลสมควรที่จะอุทธรณ์ โจทก์มิได้อุทธรณ์คำสั่งศาลภายใน 7 วัน ประเด็นที่ว่าคดีโจทก์มีเหตุผลสมควรที่จะอุทธรณ์หรือไม่ย่อมยุติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสุดท้าย เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขออนาถาใหม่ โจทก์คงมีสิทธิเพียงนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าโจทก์เป็นคนยากจนเท่านั้น แต่เมื่อคดีฟังยุติว่าคดีโจทก์ไม่มีเหตุผลสมควรที่จะอุทธรณ์แล้วศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะยกคำร้องขอของโจทก์ที่ขอให้พิจารณาคำขออนาถาใหม่เสียได้โดยไม่จำต้องไต่สวนก่อน
การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่ให้โจทก์อุทธรณ์อย่างคนอนาถาโดยกำหนดเวลาให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางต่อศาลภายใน 30 วันนับแต่วันทราบคำพิพากษา คำสั่งดังกล่าวเป็นการกำหนดเวลาโดยอาศัยอำนาจของศาลที่มีอยู่ทั่วไปในการที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาใดที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะหรือห้ามไว้ไปในทางที่เห็นว่ายุติธรรมและสมควร และคำสั่งดังกล่าวมิใช่เป็นการขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23
การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่ให้โจทก์อุทธรณ์อย่างคนอนาถาโดยกำหนดเวลาให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางต่อศาลภายใน 30 วันนับแต่วันทราบคำพิพากษา คำสั่งดังกล่าวเป็นการกำหนดเวลาโดยอาศัยอำนาจของศาลที่มีอยู่ทั่วไปในการที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาใดที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะหรือห้ามไว้ไปในทางที่เห็นว่ายุติธรรมและสมควร และคำสั่งดังกล่าวมิใช่เป็นการขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2118/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คดีโดยคนอนาถา ต้องมีเหตุผลสมควรในการอุทธรณ์ มิใช่เพียงยากจน และศาลมีอำนาจกำหนดเวลาชำระค่าธรรมเนียม
การขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาชั้นอุทธรณ์นั้น นอกจากโจทก์จะเป็นคนยากจนแล้ว คดีของโจทก์ต้องมีเหตุผลสมควรที่จะอุทธรณ์ด้วย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์ เนื่องจากคดีของโจทก์ไม่มีเหตุผลสมควรที่จะอุทธรณ์ โจทก์มิได้อุทธรณ์คำสั่งศาลภายใน 7 วัน ประเด็นที่ว่าคดีโจทก์มีเหตุผลสมควรที่จะอุทธรณ์หรือไม่ย่อมยุติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสุดท้ายเมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำขออนาถาใหม่ โจทก์คงมีสิทธิเพียงนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าโจทก์เป็นคนยากจนเท่านั้น แต่เมื่อคดีฟังยุติว่าคดีโจทก์ไม่มีเหตุผลสมควรที่จะอุทธรณ์แล้วศาลชั้นต้นก็ชอบที่จะยกคำร้องขอของโจทก์ที่ขอให้พิจารณาคำขออนาถาใหม่เสียได้โดยไม่จำต้องไต่สวนก่อน
การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่ให้โจทก์อุทธรณ์อย่างคนอนาถาโดยกำหนดเวลาให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางต่อศาลภายใน 30 วันนับแต่วันทราบคำพิพากษา คำสั่งดังกล่าวเป็นการกำหนดเวลาโดยอาศัยอำนาจของศาลที่มีอยู่ทั่วไปในการที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาใดที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะหรือห้ามไว้ไปในทางที่เห็นว่ายุติธรรมและสมควรและคำสั่งดังกล่าวมิใช่เป็นการขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23.
การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่ให้โจทก์อุทธรณ์อย่างคนอนาถาโดยกำหนดเวลาให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมมาวางต่อศาลภายใน 30 วันนับแต่วันทราบคำพิพากษา คำสั่งดังกล่าวเป็นการกำหนดเวลาโดยอาศัยอำนาจของศาลที่มีอยู่ทั่วไปในการที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาใดที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะหรือห้ามไว้ไปในทางที่เห็นว่ายุติธรรมและสมควรและคำสั่งดังกล่าวมิใช่เป็นการขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2118/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขออนาถาและการอุทธรณ์คำสั่ง ศาลมีอำนาจพิจารณาเหตุผลสมควรในการอุทธรณ์ และกำหนดเวลาชำระค่าธรรมเนียมได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์ ด้วยเหตุที่ว่าคดีของโจทก์ไม่มีเหตุผลสมควรที่จะอุทธรณ์โจทก์มิได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวภายใน 7 วัน ย่อมหมดสิทธิที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 156 วรรคท้าย ประเด็นที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดว่าคดีของโจทก์ไม่มีเหตุสมควรที่จะอุทธรณ์ย่อมยุติโจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้พิจารณาคำขอนั้นใหม่ แม้ศาลจะอนุญาตให้โจทก์นำพยานหลักฐานมาสืบเพิ่มเติมก็ตาม คดีก็ต้องฟังตามข้อยุติว่าคดีของโจทก์ไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะอุทธรณ์ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะยกคำร้องของโจทก์ที่ขอให้พิจารณาคำขออนาถาใหม่เสียได้โดยหาจำต้องไต่สวนก่อนไม่ การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่ให้อนาถาแต่มีคำสั่งกำหนดเวลาให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระภายในกำหนด 30 วันนับแต่วันทราบคำพิพากษา คำสั่งดังกล่าวเป็นการกำหนดเวลาโดยอาศัยอำนาจของศาลที่มีอยู่ทั่วไปในการที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาใด ที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะ หรือห้ามไว้ไปในทางที่เห็นว่ายุติธรรมและสมควรและการกำหนดระยะเวลาดังกล่าวมิใช่เป็นการขยายระยะเวลาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 23 อันจะทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและจะต้องทำก่อนสิ้นระยะเวลานั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมีทุนทรัพย์ การขยายเวลาชำระค่าขึ้นศาล และผลของการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
กรมที่ดินมีคำสั่งให้เพิกถอนโฉนด ที่ดินของโจทก์ เพราะที่ดินอยู่ในเขตที่ดินสงวนหวงห้าม ย่อมมีผลให้โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว การที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งและให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนด ที่ดินให้กับโจทก์ใหม่ ย่อมมีผลทำให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินกลับคืนมา คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอซึ่งอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ศาลมีคำสั่งขยายเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระใน 15 วันนับแต่วันสั่งซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 11 สิงหาคม 2527 โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอีก 30 วัน ศาลก็อนุญาตอีก จึงเริ่มนับ 1 ในวันที่12 สิงหาคม 2527 จะครบ 30 วันในวันที่ 10 กันยายน 2527 แต่เมื่อถึงวันที่ 10 กันยายน 2527 โจทก์ก็ไม่ได้นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่มกลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาไปอีก 1 เดือน ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตและให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ โจทก์ก็มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางในวันนั้นถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีก่อนถึงเวลากำหนดที่ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมีทุนทรัพย์ การขยายเวลาค่าขึ้นศาล และการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เมื่ออธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งให้เพิกถอนโฉนดที่ดินของโจทก์ โดยอ้างว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตที่ดินสงวนหวงห้าม ย่อมมีผลให้โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว ดังนั้น การที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งและให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินให้กับโจทก์ใหม่ ย่อมมีผลทำให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินกลับคืนมา คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอซึ่งอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เป็นคดีมีทุนทรัพย์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขยายเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระใน 15 วันนับแต่วันสั่ง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 11 สิงหาคม 2527นั้น เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอีก 30 วัน ศาลมีคำสั่งอนุญาต จึงต้องเริ่มนับ 1 ในวันที่ 12 สิงหาคม 2527 และจะครบ 30 วันในวันที่ 10 กันยายน 2527 แต่เมื่อถึงวันที่ 10 กันยายน 2527 โจทก์มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม กลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาไปอีก 1 เดือนและเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตโจทก์ก็มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางในวันนั้น จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีในวันเดียวกัน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการสั่งจำหน่ายคดีก่อนถึงเวลากำหนดที่ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม.
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขยายเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระใน 15 วันนับแต่วันสั่ง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 11 สิงหาคม 2527นั้น เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอีก 30 วัน ศาลมีคำสั่งอนุญาต จึงต้องเริ่มนับ 1 ในวันที่ 12 สิงหาคม 2527 และจะครบ 30 วันในวันที่ 10 กันยายน 2527 แต่เมื่อถึงวันที่ 10 กันยายน 2527 โจทก์มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม กลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาไปอีก 1 เดือนและเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตโจทก์ก็มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางในวันนั้น จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีในวันเดียวกัน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการสั่งจำหน่ายคดีก่อนถึงเวลากำหนดที่ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมีทุนทรัพย์ การขยายเวลาชำระค่าขึ้นศาล และการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เมื่ออธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งให้เพิกถอนโฉนดที่ดินของโจทก์ โดยอ้างว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตที่ดินสงวนหวงห้ามย่อมมีผลให้โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว ดังนั้นการที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งและให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินให้กับโจทก์ใหม่ ย่อมมีผลทำให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินกลับคืนมา คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอซึ่งอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เป็นคดีมีทุนทรัพย์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขยายเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระใน15 วันนับแต่วันสั่ง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 11 สิงหาคม 2527นั้น เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอีก 30 วัน ศาลมีคำสั่งอนุญาต จึงต้องเริ่มนับ 1 ในวันที่ 12 สิงหาคม 2527 และจะครบ30 วันในวันที่ 10 กันยายน 2527 แต่เมื่อถึงวันที่ 10 กันยายน 2527 โจทก์มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม กลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาไปอีก 1 เดือนและเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตโจทก์ก็มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางในวันนั้น จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีในวันเดียวกัน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการสั่งจำหน่ายคดีก่อนถึงเวลากำหนดที่ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม.
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขยายเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระใน15 วันนับแต่วันสั่ง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 11 สิงหาคม 2527นั้น เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอีก 30 วัน ศาลมีคำสั่งอนุญาต จึงต้องเริ่มนับ 1 ในวันที่ 12 สิงหาคม 2527 และจะครบ30 วันในวันที่ 10 กันยายน 2527 แต่เมื่อถึงวันที่ 10 กันยายน 2527 โจทก์มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม กลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาไปอีก 1 เดือนและเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตโจทก์ก็มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางในวันนั้น จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีในวันเดียวกัน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการสั่งจำหน่ายคดีก่อนถึงเวลากำหนดที่ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม.