พบผลลัพธ์ทั้งหมด 698 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1279/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาฎีกาต้องมีเหตุพิเศษหรือเหตุสุดวิสัย มิใช่ละเลยการดำเนินคดี
การขอขยายกำหนดเวลายื่นฎีกาจะพึงทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษและต้องมีคำขอขึ้นมาเสียก่อนสิ้นระยะเวลาที่กำหนดให้ยื่นฎีกา เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุสุดวิสัย จึงจะมีคำขอขึ้นมาภายหลังได้ ถ้าเหตุที่จำเลยอ้างตามคำร้องนั้นเห็นได้ชัดว่าแม้จะไต่สวนได้ความสมจริงดังข้ออ้างก็มิใช่กรณีมีเหตุสุดวิสัย แต่เป็นกรณีที่จำเลยเพิกเฉยละเลยต่อการดำเนินคดีของตน ศาลก็ไม่จำเป็นต้องทำการไต่สวน
จำเลยทราบดีว่าทนายจำเลยจะไม่มีโอกาสดำเนินคดีแทนจำเลยต่อไปเพราะจำเลยไม่ต้องการให้ทนายจำเลยดำเนินคดีในชั้นฎีกา จำเลยก็ชอบที่จะถอนทนายจำเลยขณะคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้ทุกเมื่อ และติดตามฟังผลคดีด้วยตนเองเพื่อจะใช้สิทธิยื่นฎีกา ดังนั้นการที่ทนายจำเลยได้รับหมายนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แล้วไม่แจ้งให้จำเลยทราบ ทำให้จำเลยไม่อาจยื่นคำขอขยายกำหนดเวลายื่นฎีกาได้ก่อนสิ้นระยะเวลาที่กำหนดให้ยื่นฎีกา จึงเป็นความบกพร่องผิดพลาดของจำเลย ไม่ใช่เป็นกรณีมีเหตุสุดวิสัย ทั้งเหตุที่อ้างมาก็ไม่ถือได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษที่จะขยายกำหนดเวลายื่นฎีกาให้จำเลยด้วย
จำเลยทราบดีว่าทนายจำเลยจะไม่มีโอกาสดำเนินคดีแทนจำเลยต่อไปเพราะจำเลยไม่ต้องการให้ทนายจำเลยดำเนินคดีในชั้นฎีกา จำเลยก็ชอบที่จะถอนทนายจำเลยขณะคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้ทุกเมื่อ และติดตามฟังผลคดีด้วยตนเองเพื่อจะใช้สิทธิยื่นฎีกา ดังนั้นการที่ทนายจำเลยได้รับหมายนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ แล้วไม่แจ้งให้จำเลยทราบ ทำให้จำเลยไม่อาจยื่นคำขอขยายกำหนดเวลายื่นฎีกาได้ก่อนสิ้นระยะเวลาที่กำหนดให้ยื่นฎีกา จึงเป็นความบกพร่องผิดพลาดของจำเลย ไม่ใช่เป็นกรณีมีเหตุสุดวิสัย ทั้งเหตุที่อ้างมาก็ไม่ถือได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษที่จะขยายกำหนดเวลายื่นฎีกาให้จำเลยด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 805/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าขึ้นศาลคดีขายฝาก: คำนวณจากทุนทรัพย์เต็มจำนวน ไม่ใช่ยอดค้างชำระ แม้มีการอุทธรณ์คำสั่ง
โจทก์ฟ้องว่าขายฝากที่ดินไว้กับจำเลยเป็นเงิน 800,000 บาท โจทก์ชำระค่าไถ่ถอนแล้ว 400,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยรับสิทธิไถ่ถอนที่ดินที่ขายฝากจากโจทก์ แล้วจดทะเบียนโอนที่ดินคืนให้โจทก์ จำเลยให้การว่าไม่เคยรับเงินจำนวนดังกล่าว โจทก์ไม่ไถ่ถอนที่ดินภายในกำหนด ที่ดินตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยแล้ว ดังนี้ เป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ที่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ตามราคาที่ดินที่พิพาท ต้องเสียค่าขึ้นศาลในจำนวนทุนทรัพย์ตามราคาที่ดินพิพาท 800,000 บาทไม่ใช่ 400,000 บาท ตามที่อ้างว่าค้างชำระ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลภายใน 7 วัน ต่อมาได้ขยายระยะเวลาให้อีก 15 วัน ก่อนครบกำหนดโจทก์ขอขยายระยะเวลาไปอีก 30 วัน อ้างเหตุว่าได้อุทธรณ์คำสั่งศาลที่ให้โจทก์ชำระค่าขึ้นศาลแล้วในวันเดียวกับที่ยื่นคำร้อง เหตุผลในคำร้องขอขยายระยะเวลาของโจทก์ ดังนี้ เมื่อศาลมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่จะให้ศาลสั่งขยายระยะเวลาชำระเงินค่าขึ้นศาลให้โจทก์ได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลภายใน 7 วัน ต่อมาได้ขยายระยะเวลาให้อีก 15 วัน ก่อนครบกำหนดโจทก์ขอขยายระยะเวลาไปอีก 30 วัน อ้างเหตุว่าได้อุทธรณ์คำสั่งศาลที่ให้โจทก์ชำระค่าขึ้นศาลแล้วในวันเดียวกับที่ยื่นคำร้อง เหตุผลในคำร้องขอขยายระยะเวลาของโจทก์ ดังนี้ เมื่อศาลมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่จะให้ศาลสั่งขยายระยะเวลาชำระเงินค่าขึ้นศาลให้โจทก์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 717/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายสำหรับเจ้าหนี้ต่างประเทศ: อำนาจเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และการพิจารณาเหตุสมควร
การที่เจ้าหนี้อยู่นอกราชอาณาจักรได้ยื่นคำร้องขอขยายกำหนดเวลามาพร้อมกับคำขอรับชำระหนี้ แม้จะเกินกำหนด 2 เดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ก็ยังอยู่ในอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะพิจารณาขยายกำหนดเวลาให้ได้ตาม มาตรา 91 ไม่ต้องยื่นก่อนครบ 2 เดือน ไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 การที่ผู้รับมอบอำนาจของผู้ขอรับชำระหนี้ได้มีหนังสือติดต่อขอความเห็นจากเจ้าหนี้เสียก่อนว่าจะอนุมัติให้ดำเนินคดีต่อไปหรือไม่ เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่เจ้าหนี้ และผู้รับมอบอำนาจหากจะพึงมีก่อนที่จะยื่นคำขอรับชำระหนี้ ซึ่งเป็นการสมควร เหตุที่ล่าช้าไปบ้างเพราะการติดต่อกับเจ้าหนี้ซึ่งอยู่ต่างประเทศต้องใช้เวลานานกว่าปกติธรรมดา แต่ก็ยังอยู่ในระยะเวลาที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขยายกำหนดเวลาให้ได้ ทั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็เชื่อว่า ลูกหนี้ได้เป็นหนี้ตามคำพิพากษาแก่เจ้าหนี้รายนี้อยู่จริง จึงมีเหตุสมควรที่จะขยายกำหนดเวลาให้ได้ตามขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 604/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุสุดวิสัยขยายระยะเวลาอุทธรณ์: การติดต่อทนายความล่าช้าหลังหมดกำหนด ไม่เป็นเหตุสุดวิสัย
โจทก์ติดต่อขอให้ทนายความทำอุทธรณ์ให้เมื่อล่วงเลยกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์แล้ว การที่ทนายความผู้นั้นป่วยและตายในภายหลัง จึงมิใช่เหตุสุดวิสัยที่จะขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ให้โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2864/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความดำเนินกระบวนพิจารณาแทนจำเลย และการขอขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียม
จำเลยแต่งตั้งทนายความให้ว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนตน ทนายความย่อมมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใดๆ แทนจำเลยได้ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 62 การที่ศาลชั้นต้นออกหมายนัดโจทก์จำเลยมาฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นกระบวนพิจารณาตามมาตรา 1 (7) และเพื่อประโยชน์แห่งการดำเนินกระบวนพิจารณาดังกล่าว ทนายจำเลยย่อมอยู่ในฐานะเป็นจำเลยตามมาตรา 1 (11) ฉะนั้นเมื่อทนายจำเลยรับหมายนัดของศาลแล้วก็ถือเสมือนหนึ่งว่าจำเลยรับเช่นกันจำเลยจะอ้างว่าไม่ทราบวันนัดเพราะจำเลยกับทนายความมิใช่บุคคลคนเดียวกันหาได้ไม่
การขอขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 นั้น กฎหมายให้กระทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ และมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลาตามที่ศาลกำหนด เว้นแต่มีเหตุสุดวิสัย จำเลยมีคำขอเมื่อระยะเวลาตามที่ศาลกำหนดได้ล่วงพ้นไปแล้ว และไม่ปรากฏพฤติการณ์พิเศษและเหตุสุดวิสัย จึงขยายระยะเวลาให้จำเลยไม่ได้
การขอขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 นั้น กฎหมายให้กระทำได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ และมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลาตามที่ศาลกำหนด เว้นแต่มีเหตุสุดวิสัย จำเลยมีคำขอเมื่อระยะเวลาตามที่ศาลกำหนดได้ล่วงพ้นไปแล้ว และไม่ปรากฏพฤติการณ์พิเศษและเหตุสุดวิสัย จึงขยายระยะเวลาให้จำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2864/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจทนายความและการรับหมายนัดแทนจำเลย รวมถึงการขอขยายระยะเวลาชำระค่าธรรมเนียม
จำเลยแต่งตั้งทนายความให้ว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนตน ทนายความย่อมมีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนจำเลยได้ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 62 การที่ศาลชั้นต้นออกหมายนัดโจทก์จำเลยมาฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นกระบวนพิจารณาตามมาตรา 1(7) และเพื่อประโยชน์แห่งการดำเนินกระบวนพิจารณาดังกล่าว ทนายจำเลยย่อมอยู่ในฐานะเป็นจำเลยตามมาตรา 1(11) ฉะนั้นเมื่อทนายจำเลยรับหมายนัดของศาลแล้วก็ถือเสมือนหนึ่งว่าจำเลยรับเช่นกันจำเลยจะอ้างว่าไม่ทราบวันนัดเพราะจำเลยกับทนายความมิใช่บุคคลคนเดียวกันหาได้ไม่
การขอขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23 นั้น กฎหมายให้กระทำได้ต่อเมื่อมี พฤติการณ์พิเศษ และมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลาตาม ที่ศาลกำหนด เว้นแต่ มีเหตุสุดวิสัย จำเลยมีคำขอเมื่อ ระยะเวลาตามที่ศาลกำหนด ได้ล่วงพ้นไปแล้ว และไม่ปรากฏ พฤติการณ์พิเศษและเหตุสุดวิสัย จึงขยายระยะเวลาให้จำเลยไม่ ได้
การขอขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23 นั้น กฎหมายให้กระทำได้ต่อเมื่อมี พฤติการณ์พิเศษ และมีคำขอขึ้นมาก่อนสิ้นระยะเวลาตาม ที่ศาลกำหนด เว้นแต่ มีเหตุสุดวิสัย จำเลยมีคำขอเมื่อ ระยะเวลาตามที่ศาลกำหนด ได้ล่วงพ้นไปแล้ว และไม่ปรากฏ พฤติการณ์พิเศษและเหตุสุดวิสัย จึงขยายระยะเวลาให้จำเลยไม่ ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2355/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายระยะเวลาวางค่าธรรมเนียมอุทธรณ์: ต้องมีเหตุพิเศษ
การที่จำเลยอ้างว่าค่าธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์เป็นเงินเกือบ10,000 บาท จำเลยยังหาได้ไม่ครบนั้น ยังถือไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์พิเศษ ตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23ในอันที่จะให้ศาลมีอำนาจสั่งขยายระยะเวลาการวางเงินค่าธรรมเนียมให้ได้ตามคำร้องของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 910/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนเหตุสุดวิสัยชำระค่าฤชาธรรมเนียม: ไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 88
การไต่สวนคำร้องที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ไม่สามารถนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนจำเลยมาวางศาล ภายในกำหนดเวลาเพราะเหตุสุดวิสัยนั้น เป็นการไต่สวนเพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงว่า โจทก์มิได้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมไปวางศาลภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นขยายให้เป็นเพราะเหตุสุดวิสัยหรือไม่เท่านั้น มิใช่เป็นการสืบพยานตามประเด็นในคำฟ้องและคำให้การ และเป็นเรื่องของศาลจึงไม่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 910/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไต่สวนเหตุสุดวิสัยเพื่อวางค่าฤชาธรรมเนียม ไม่ต้องใช้ขั้นตอนการสืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88
การไต่สวนคำร้องที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ไม่สามารถนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่ต้องใช้แทนจำเลยมาวางศาลภายในกำหนดเวลาเพราะเหตุสุดวิสัยนั้น เป็นการไต่สวนเพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงว่า โจทก์มิได้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมไปวางศาลภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นขยายให้เป็นเพราะเหตุสุดวิสัยหรือไม่เท่านั้น มิใช่เป็นการสืบพยานตามประเด็นในคำฟ้องและคำให้การ และเป็นเรื่องของศาลจึงไม่ต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1930/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นคำให้การเกินกำหนด: ศาลไม่อนุญาต แม้ไม่มีเจตนาขาดนัด
หากจำเลยมีความจำเป็นไม่อาจจะยื่นคำให้การได้ทันภายในกำหนดเวลาแปดวัน ก็ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาออกไปได้ โดยแสดงให้ศาลเห็นว่ากรณีมีพฤติการณ์พิเศษ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 และถึงแม้ระยะเวลาแปดวันจะผ่ายพ้นไปแล้ว แต่จำเลยหาได้ปฏิบัติเช่นนั้นไม่ กลับมายื่นคำร้องหลังจากพ้นกำหนดแปดวันแล้วโดยอ้างว่ามิได้มีเจตนาจงใจจะขาดนัดยื่นคำให้การ ซึ่งเป็นเหตุผลมี่จำเลยชอบที่จะอ้างหลังจากที่ศาลได้มีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การแล้ว ตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจาณาความแพ่ง มาตรา 199 ในชั้นนี้ยังไม่มีกรณีจะต้องพิจารณาถึงว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การโดยไม่จงใจหรือโดยมีเหตุอันสมควรหรือไม่ ศาลจึงสั่งรับคำให้การจำเลยไว้ไม่ได้