พบผลลัพธ์ทั้งหมด 698 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดระยะเวลาการยื่นคำให้การหลังปิดหมาย: การนับเวลาผัดยื่นและการถือว่าพ้นกำหนด
การส่งหมายเรียกให้แก้คดีโดยวิธีปิดหมายนั้นตาม ป.วิ.แพ่ง ม.179 กำหนดให้เวลาล่วงแล้ว 15 วันจึงจะมีผล พนักงานส่งจดหมายในวันที่ 4 ก.ย.98 เรื่องการนับระยะเวลาล่วงพ้น 15 วัน จะต้องเริ่มนับแต่วันที่ 5 แล้วเริ่มนับกำหนดยื่นคำให้การภายใน 8 วันตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย.98 ครบในวันที่ 28 ก.ย.98 แต่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยผัดยื่นคำให้การได้ 3 วันโดยได้ระบุว่านับแต่วันใด จึงต้องนับต่อจากวันสุดท้ายแห่งระยะเวลาเดิม คือ เริ่มนับหนึ่งแต่วันที่ 28 ก.ย.98 จำเลยยื่นคำให้การวันที่ 1 ต.ค.98 จึงพ้นกำหนดไป 1 วัน แล้วจึงไม่รับเป็นคำให้การได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับระยะเวลาการยื่นคำให้การหลังการส่งหมายเรียกโดยวิธีปิดหมาย และผลของการผัดยื่น
การส่งหมายเรียกให้แก้คดีโดยวิธีปิดหมายนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 กำหนดให้เวลาล่วงแล้ว 15 วันจึงจะมีผลพนักงานส่งหมายส่งหมายในวันที่ 4 ก.ย. 98 เรื่องการนับระยะเวลาล่วงพ้น 15 วันจึงต้องเริ่มนับแต่วันที่ 5 แล้วเริ่มนับกำหนดยื่นคำให้การภายใน 8 วันตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. 98 ครบในวันที่ 27 ก.ย. 98 แต่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยผัดยื่นคำให้การได้ 3 วันโดยมิได้ระบุว่านับแต่วันใด จึงต้องนับต่อจากวันสุดท้ายแห่งระยะเวลาเดิมคือเริ่มนับหนึ่งแต่วันที่ 28 ก.ย. 98จำเลยยื่นคำให้การวันที่ 1 ต.ค.98 จึงพ้นกำหนดไป 1 วันแล้วจึงไม่รับเป็นคำให้การได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 786/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเมื่อโจทก์ถึงแก่ความตายและจำเลยไม่ดำเนินการหาผู้รับมรดก
ในชั้นฎีกาเมื่อปรากฎว่าตัว โจทก์ตายก่อนฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และจำเลยยื่นฎีกาโดยไม่มีผู้รับมรดกความโจทก์ จนล่วงเลยมาปีเศษศาลฎีกามีอำนาจยืดเวลาให้จำเลยจัดการหาตัวผู้รับมรดกความได้ เมื่อจำเลยไม่จัดการก็จำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 786/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาดำเนินการเมื่อคู่ความถึงแก่ความตายระหว่างพิจารณาคดี
จำเลยฎีกาเมื่อความเพิ่งปรากฏว่าโจทก์ตายก่อนฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และไม่มีผู้ใดขอเข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ ทั้งจำเลยก็ไม่ขอให้เรียกผู้ใดเข้ามาเป็นคู่ความแทนจนเวลาล่วงเลยเกิน 1 ปีแล้วดังนี้ กรณีมีพฤติการณ์พิเศษประกอบด้วยข้อเท็จจริง เพิ่งจะปรากฏขึ้น ณบัดนี้ ศาลฎีกามีอำนาจสั่งขยายระยะเวลาเพื่อจำเลย จัดหาตัวผู้รับมรดกความโจทก์ได้ตามความในมาตรา 23
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เหตุไม่วางค่าธรรมเนียมพร้อมอุทธรณ์ แม้แก้ปัญหาภายหลังก็สายเกินไป
จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยมิได้นำเงินค่าธรรมเนียม ซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 229 ศาลอุทธรณ์จึงวินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่จะพึง รับไว้พิจารณา จึงให้ยกอุทธรณ์ของจำเลยเสีย เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้ว 22 วัน จำเลยได้ยื่นคำร้องขอวางเงิน ค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์ (ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาพ้นกำหนดอายุความอุทธรณ์นานถึง 5 เดือนเศษแล้ว) แล้วฎีกาขอให้ศาลฎีกาสั่งให้ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์ของจำเลย ดังที่คดีไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำ เลยได้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายเนื่องจากไม่วางเงินค่าธรรมเนียม ศาลฎีกายกคำขอให้รับอุทธรณ์
จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยมิได้นำเงินค่าธรรมเนียม ซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 ศาลอุทธรณ์จึงวินิจฉัยว่าอุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่จะพึงรับไว้พิจารณา จึงให้ยกอุทธรณ์ของจำเลยเสีย เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้ว 22 วัน จำเลยได้ยื่นคำร้องขอวางเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์ (ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาพ้นกำหนดอายุความอุทธรณ์นานถึง5เดือนเศษแล้ว) แล้วฎีกาขอให้ศาลฎีกาสั่งให้ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์ของจำเลยดังนี้คดีไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1567/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาการยื่นฎีกาเมื่อยื่นคำร้องขอเลื่อนวางเงินค่าธรรมเนียมและการพิจารณาเหตุสมควร
ทนายจำเลยยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันสุดท้ายของอายุความฎีกา และได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมและค่าทนายที่จำเลยจะใช้แทนโจทก์ไป15 วัน อ้างเหตุว่าจำเลยอาจเจ็บป่วยหรือมาไม่ทันรถศาลชั้นต้นอนุญาต ต่อมาครบ 15 วันจำเลยก็เอาเงินค่าธรรมเนียมค่าทนายมาวางศาลศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยร้องขอ และศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตขยายระยะเวลาให้ดังกล่าว ได้กระทำก่อนสิ้นอายุความฎีกา และได้พิจารณาเห็นมีพฤติการณ์สมควร จึงสั่งอนุญาต จึงเท่ากับเป็นการขยายเวลาที่จะยื่นฎีกาย่อมอยู่ในอำนาจที่จะสั่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาที่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1567/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขยายเวลาการวางเงินค่าธรรมเนียมฎีกา: ศาลมีอำนาจอนุญาตได้หากมีเหตุสมควรและก่อนหมดอายุความ
ทนายจำเลยยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันสุดท้ายของอายุความฎีกา และได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมและค่าทนายที่จำเลยจะใช้แทนโจทก์ไป 15 วัน อ้างเหตุว่าจำเลยอาจเจ็บป่วยหรือมาไม่ทันรถ ศาลชั้นต้นอนุญาต ต่อมาครบ 15 วันจำเลยก็เอาเงินค่าธรรมเนียมค่าทนายมาวางศาลศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกา ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยร้องขอ และศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตขยายระยะเวลาให้ดังกล่าว ได้กระทำก่อนสิ้นอายุความฎีกา และได้พิจารณาเห็นมีพฤติการณ์สมควร จึงสั่งอนุญาต จึงเท่ากับเป็นการขยายเวลาที่จะยื่นฎีกา ย่อมอยู่ในอำนาจที่จะสั่งได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 23 ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาที่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 430/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลและการฟ้องคดีภาษี: ทรัพย์สินที่พิพาทคือภาระหนี้สินจากการประเมินภาษี ไม่ใช่เงินภาษีที่ชำระแล้ว
ฟ้องว่า เจ้าพนักงานประเมินสรรพากร ประเมินภาษีเงินได้และเรียกเงินเพิ่มจากโจทก์เกินไปกว่าที่โจทก์จะต้องเสีย 1 ล้านบาทเศษ โจทก์อุทธรณ์ อะิบดีกรมสรรพากร มีคำสั่งให้ยกอุทธรณ์โจทก์ โจทก์จึงมาฟ้องศาลตามประมวลรัษฎากรกรมมาตรา30(2) ขอให้ศาลพิพากษายกหรือกลับแก้การประเมินและคำสั่งชี้ขาดของอธิบดีกรมสรรพากรที่ให้โจทก์ชำระเงินค่าภาษีเพิ่มเติม อันไม่ถูกต้องนั้นเสีย ดังนี้ เป็นการฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ การที่จะไม่ต้องเสียเงินจำนวนนั้น อันเป็นทรัพย์ที่พิพาท แม้คำของท้ายฟ้องโจทก์จะเบี่ยงบ่ายไปประการใด ก็หาทำให้ผลแห่งคำการปลดเปลื้องทุกข์เปลี่ยนแปลงไปได้ไม่ ศาลแขวงจึงไม่มีอำนาจพิจารณา พิพากษาคดีนี้
ได้
ระยะเวลาตามประมวลรัษฎากรมาตรา 30(2) ที่ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของอธิบดี หรือข้าหลวงประจำจังหวัดต่อศาลภายในกำหนด 15 วัน ฯลฯ นั้น เป็นระยะเวลาที่เกี่ยวด้วยวิธีพิจารณาความแพ่ง ฉะนั้นเมื่อมีเหตุอันสมควร ศาลสั่งให้ขยายระยะเวลานั้นได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 23.
ได้
ระยะเวลาตามประมวลรัษฎากรมาตรา 30(2) ที่ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของอธิบดี หรือข้าหลวงประจำจังหวัดต่อศาลภายในกำหนด 15 วัน ฯลฯ นั้น เป็นระยะเวลาที่เกี่ยวด้วยวิธีพิจารณาความแพ่ง ฉะนั้นเมื่อมีเหตุอันสมควร ศาลสั่งให้ขยายระยะเวลานั้นได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 23.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 430/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการพิจารณาคดีภาษีและขยายระยะเวลาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากร
ฟ้องว่า เจ้าพนักงานประเมินสรรพากร ประเมินภาษีเงินได้และเรียกเงินเพิ่มจากโจทก์เกินไปกว่าที่โจทก์จะต้องเสีย 1 ล้านบาทเศษ โจทก์อุทธรณ์ อธิบดีกรมสรรพากรมีคำสั่งให้ยกอุทธรณ์โจทก์ โจทก์จึงมาฟ้องศาลตามประมวลรัษฎากรมาตรา 30(2) ขอให้ศาลพิพากษายกหรือกลับแก้การประเมินและคำสั่งชี้ขาดของอธิบดีกรมสรรพากรที่ให้โจทก์ชำระเงินค่าภาษีเพิ่มเติมอันไม่ถูกต้องนั้นเสีย ดังนี้เป็นการฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ การที่จะไม่ต้องเสียเงินจำนวนนั้น อันเป็นทรัพย์สินที่พิพาท แม้คำขอท้ายฟ้องโจทก์จะเบี่ยงบ่ายไปประการใด ก็หาทำให้ผลแห่งการปลดเปลื้องทุกข์เปลี่ยนแปลงไปได้ไม่ศาลแขวงจึงไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้
ระยะเวลาตามประมวลรัษฎากรมาตรา 30(2) ที่ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของอธิบดี หรือข้าหลวงประจำจังหวัดต่อศาลภายในกำหนด 15 วัน ฯลฯนั้นเป็นระยะเวลาที่เกี่ยวด้วยวิธีพิจารณาความแพ่งฉะนั้นเมื่อมีเหตุอันสมควรศาลอาจสั่งให้ขยายระยะเวลานั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2495)
ระยะเวลาตามประมวลรัษฎากรมาตรา 30(2) ที่ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของอธิบดี หรือข้าหลวงประจำจังหวัดต่อศาลภายในกำหนด 15 วัน ฯลฯนั้นเป็นระยะเวลาที่เกี่ยวด้วยวิธีพิจารณาความแพ่งฉะนั้นเมื่อมีเหตุอันสมควรศาลอาจสั่งให้ขยายระยะเวลานั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2495)