คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 23

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 698 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดระยะเวลาการยื่นคำให้การหลังปิดหมาย: การนับเวลาผัดยื่นและการถือว่าพ้นกำหนด
การส่งหมายเรียกให้แก้คดีโดยวิธีปิดหมายนั้นตาม ป.วิ.แพ่ง ม.179 กำหนดให้เวลาล่วงแล้ว 15 วันจึงจะมีผล พนักงานส่งจดหมายในวันที่ 4 ก.ย.98 เรื่องการนับระยะเวลาล่วงพ้น 15 วัน จะต้องเริ่มนับแต่วันที่ 5 แล้วเริ่มนับกำหนดยื่นคำให้การภายใน 8 วันตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย.98 ครบในวันที่ 28 ก.ย.98 แต่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยผัดยื่นคำให้การได้ 3 วันโดยได้ระบุว่านับแต่วันใด จึงต้องนับต่อจากวันสุดท้ายแห่งระยะเวลาเดิม คือ เริ่มนับหนึ่งแต่วันที่ 28 ก.ย.98 จำเลยยื่นคำให้การวันที่ 1 ต.ค.98 จึงพ้นกำหนดไป 1 วัน แล้วจึงไม่รับเป็นคำให้การได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับระยะเวลาการยื่นคำให้การหลังการส่งหมายเรียกโดยวิธีปิดหมาย และผลของการผัดยื่น
การส่งหมายเรียกให้แก้คดีโดยวิธีปิดหมายนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 กำหนดให้เวลาล่วงแล้ว 15 วันจึงจะมีผลพนักงานส่งหมายส่งหมายในวันที่ 4 ก.ย. 98 เรื่องการนับระยะเวลาล่วงพ้น 15 วันจึงต้องเริ่มนับแต่วันที่ 5 แล้วเริ่มนับกำหนดยื่นคำให้การภายใน 8 วันตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. 98 ครบในวันที่ 27 ก.ย. 98 แต่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยผัดยื่นคำให้การได้ 3 วันโดยมิได้ระบุว่านับแต่วันใด จึงต้องนับต่อจากวันสุดท้ายแห่งระยะเวลาเดิมคือเริ่มนับหนึ่งแต่วันที่ 28 ก.ย. 98จำเลยยื่นคำให้การวันที่ 1 ต.ค.98 จึงพ้นกำหนดไป 1 วันแล้วจึงไม่รับเป็นคำให้การได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 786/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีเมื่อโจทก์ถึงแก่ความตายและจำเลยไม่ดำเนินการหาผู้รับมรดก
ในชั้นฎีกาเมื่อปรากฎว่าตัว โจทก์ตายก่อนฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และจำเลยยื่นฎีกาโดยไม่มีผู้รับมรดกความโจทก์ จนล่วงเลยมาปีเศษศาลฎีกามีอำนาจยืดเวลาให้จำเลยจัดการหาตัวผู้รับมรดกความได้ เมื่อจำเลยไม่จัดการก็จำหน่ายคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 786/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาดำเนินการเมื่อคู่ความถึงแก่ความตายระหว่างพิจารณาคดี
จำเลยฎีกาเมื่อความเพิ่งปรากฏว่าโจทก์ตายก่อนฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และไม่มีผู้ใดขอเข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ ทั้งจำเลยก็ไม่ขอให้เรียกผู้ใดเข้ามาเป็นคู่ความแทนจนเวลาล่วงเลยเกิน 1 ปีแล้วดังนี้ กรณีมีพฤติการณ์พิเศษประกอบด้วยข้อเท็จจริง เพิ่งจะปรากฏขึ้น ณบัดนี้ ศาลฎีกามีอำนาจสั่งขยายระยะเวลาเพื่อจำเลย จัดหาตัวผู้รับมรดกความโจทก์ได้ตามความในมาตรา 23

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เหตุไม่วางค่าธรรมเนียมพร้อมอุทธรณ์ แม้แก้ปัญหาภายหลังก็สายเกินไป
จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยมิได้นำเงินค่าธรรมเนียม ซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 229 ศาลอุทธรณ์จึงวินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่จะพึง รับไว้พิจารณา จึงให้ยกอุทธรณ์ของจำเลยเสีย เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้ว 22 วัน จำเลยได้ยื่นคำร้องขอวางเงิน ค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์ (ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาพ้นกำหนดอายุความอุทธรณ์นานถึง 5 เดือนเศษแล้ว) แล้วฎีกาขอให้ศาลฎีกาสั่งให้ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์ของจำเลย ดังที่คดีไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำ เลยได้./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายเนื่องจากไม่วางเงินค่าธรรมเนียม ศาลฎีกายกคำขอให้รับอุทธรณ์
จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยมิได้นำเงินค่าธรรมเนียม ซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 ศาลอุทธรณ์จึงวินิจฉัยว่าอุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่จะพึงรับไว้พิจารณา จึงให้ยกอุทธรณ์ของจำเลยเสีย เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้ว 22 วัน จำเลยได้ยื่นคำร้องขอวางเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์ (ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาพ้นกำหนดอายุความอุทธรณ์นานถึง5เดือนเศษแล้ว) แล้วฎีกาขอให้ศาลฎีกาสั่งให้ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์ของจำเลยดังนี้คดีไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1567/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาการยื่นฎีกาเมื่อยื่นคำร้องขอเลื่อนวางเงินค่าธรรมเนียมและการพิจารณาเหตุสมควร
ทนายจำเลยยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันสุดท้ายของอายุความฎีกา และได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมและค่าทนายที่จำเลยจะใช้แทนโจทก์ไป15 วัน อ้างเหตุว่าจำเลยอาจเจ็บป่วยหรือมาไม่ทันรถศาลชั้นต้นอนุญาต ต่อมาครบ 15 วันจำเลยก็เอาเงินค่าธรรมเนียมค่าทนายมาวางศาลศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยร้องขอ และศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตขยายระยะเวลาให้ดังกล่าว ได้กระทำก่อนสิ้นอายุความฎีกา และได้พิจารณาเห็นมีพฤติการณ์สมควร จึงสั่งอนุญาต จึงเท่ากับเป็นการขยายเวลาที่จะยื่นฎีกาย่อมอยู่ในอำนาจที่จะสั่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาที่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1567/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายเวลาการวางเงินค่าธรรมเนียมฎีกา: ศาลมีอำนาจอนุญาตได้หากมีเหตุสมควรและก่อนหมดอายุความ
ทนายจำเลยยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันสุดท้ายของอายุความฎีกา และได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมและค่าทนายที่จำเลยจะใช้แทนโจทก์ไป 15 วัน อ้างเหตุว่าจำเลยอาจเจ็บป่วยหรือมาไม่ทันรถ ศาลชั้นต้นอนุญาต ต่อมาครบ 15 วันจำเลยก็เอาเงินค่าธรรมเนียมค่าทนายมาวางศาลศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกา ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยร้องขอ และศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตขยายระยะเวลาให้ดังกล่าว ได้กระทำก่อนสิ้นอายุความฎีกา และได้พิจารณาเห็นมีพฤติการณ์สมควร จึงสั่งอนุญาต จึงเท่ากับเป็นการขยายเวลาที่จะยื่นฎีกา ย่อมอยู่ในอำนาจที่จะสั่งได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 23 ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาที่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 430/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลและการฟ้องคดีภาษี: ทรัพย์สินที่พิพาทคือภาระหนี้สินจากการประเมินภาษี ไม่ใช่เงินภาษีที่ชำระแล้ว
ฟ้องว่า เจ้าพนักงานประเมินสรรพากร ประเมินภาษีเงินได้และเรียกเงินเพิ่มจากโจทก์เกินไปกว่าที่โจทก์จะต้องเสีย 1 ล้านบาทเศษ โจทก์อุทธรณ์ อะิบดีกรมสรรพากร มีคำสั่งให้ยกอุทธรณ์โจทก์ โจทก์จึงมาฟ้องศาลตามประมวลรัษฎากรกรมมาตรา30(2) ขอให้ศาลพิพากษายกหรือกลับแก้การประเมินและคำสั่งชี้ขาดของอธิบดีกรมสรรพากรที่ให้โจทก์ชำระเงินค่าภาษีเพิ่มเติม อันไม่ถูกต้องนั้นเสีย ดังนี้ เป็นการฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ การที่จะไม่ต้องเสียเงินจำนวนนั้น อันเป็นทรัพย์ที่พิพาท แม้คำของท้ายฟ้องโจทก์จะเบี่ยงบ่ายไปประการใด ก็หาทำให้ผลแห่งคำการปลดเปลื้องทุกข์เปลี่ยนแปลงไปได้ไม่ ศาลแขวงจึงไม่มีอำนาจพิจารณา พิพากษาคดีนี้
ได้
ระยะเวลาตามประมวลรัษฎากรมาตรา 30(2) ที่ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของอธิบดี หรือข้าหลวงประจำจังหวัดต่อศาลภายในกำหนด 15 วัน ฯลฯ นั้น เป็นระยะเวลาที่เกี่ยวด้วยวิธีพิจารณาความแพ่ง ฉะนั้นเมื่อมีเหตุอันสมควร ศาลสั่งให้ขยายระยะเวลานั้นได้ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 23.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 430/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการพิจารณาคดีภาษีและขยายระยะเวลาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากร
ฟ้องว่า เจ้าพนักงานประเมินสรรพากร ประเมินภาษีเงินได้และเรียกเงินเพิ่มจากโจทก์เกินไปกว่าที่โจทก์จะต้องเสีย 1 ล้านบาทเศษ โจทก์อุทธรณ์ อธิบดีกรมสรรพากรมีคำสั่งให้ยกอุทธรณ์โจทก์ โจทก์จึงมาฟ้องศาลตามประมวลรัษฎากรมาตรา 30(2) ขอให้ศาลพิพากษายกหรือกลับแก้การประเมินและคำสั่งชี้ขาดของอธิบดีกรมสรรพากรที่ให้โจทก์ชำระเงินค่าภาษีเพิ่มเติมอันไม่ถูกต้องนั้นเสีย ดังนี้เป็นการฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ การที่จะไม่ต้องเสียเงินจำนวนนั้น อันเป็นทรัพย์สินที่พิพาท แม้คำขอท้ายฟ้องโจทก์จะเบี่ยงบ่ายไปประการใด ก็หาทำให้ผลแห่งการปลดเปลื้องทุกข์เปลี่ยนแปลงไปได้ไม่ศาลแขวงจึงไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้
ระยะเวลาตามประมวลรัษฎากรมาตรา 30(2) ที่ให้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของอธิบดี หรือข้าหลวงประจำจังหวัดต่อศาลภายในกำหนด 15 วัน ฯลฯนั้นเป็นระยะเวลาที่เกี่ยวด้วยวิธีพิจารณาความแพ่งฉะนั้นเมื่อมีเหตุอันสมควรศาลอาจสั่งให้ขยายระยะเวลานั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 23
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2495)
of 70