คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
กฎหมายลักษณะอาญา ม. 41

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 36 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1614/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส รับสารภาพ ศาลพิจารณาให้รอการลงโทษ
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 256 โดยกล่าวว่าจำเลยที่ 1 ใช้ขวานทำร้ายจำเลยที่ 2 เป็นบาดแผลสาหัสประกอบด้วยทุกขเวทนากล้าเกินกว่า 20 วันและส่งรายงานชันสูตรบาดแผลมาด้วย จำเลยรับสารภาพตามฟ้องทุกประการ ดังนี้ ศาลย่อมต้องฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นสาหัสตาม มาตรา 256(8) และพิพากษาคดีไปได้เลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176
เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 2 ปี หากได้พิเคราะห์ถึงสภาพความผิดและเหตุผลต่างๆ แล้วเห็นเป็นการสมควร ศาลจะให้รอการลงโทษจำเลยไว้ไม่เกิน 5 ปีก็ได้ตาม มาตรา 41(ที่แก้ไข)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1614/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายสาหัสด้วยอาวุธจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายทุกขเวทนากล้าเกิน 20 วัน ศาลพิจารณาโทษและให้รอการลงโทษได้
คดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม มาตรา 256 โดยกล่าวว่าจำเลยที่ 1 ใช้ขวานทำร้ายจำเลยที่ 2 เป็นบาดแผลสาหัสประกอบด้วยทุกขเวทนากล้าเกินกว่า 20 วันและส่งรายงานชันสูตรบาดแผลมาด้วย จำเลยรับสารภาพตามฟ้องทุกประการ ดังนี้ ศาลย่อมต้องฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นสาหัสตาม มาตรา 256(8) และพิพากษาคดีไปได้เลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176
เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 2 ปี หากได้พิเคราะห์ถึงสภาพความผิดและเหตุผลต่างๆ แล้วเห็นเป็นการสมควร ศาลจะให้รอการลงโทษจำเลยไว้ไม่เกิน 5 ปีก็ได้ตาม มาตรา 41(ที่แก้ไข)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1159/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหารด้วยความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสถานะบุคคล แม้มีเหตุผลแต่ไม่เข้าข้อยกเว้นตามกฎหมาย
การที่ไม่ไปตามที่หมายเกณฑ์ตรวจคัดเลือกเข้ารับราชการทหารเพราะเข้าใจผิดว่าบิดาเป็นคนต่างด้าว และตรงกับประกาศทางราชการว่าไม่ต้องเข้ารับราชการทหารนั้น ย่อมถือว่าเป็นการหลีกเลี่ยงขัดขืนการเกณฑ์
เมื่อศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดซึ่งจะลงโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ศาลจะใช้ดุลพินิจให้รอการกำหนดโทษไว้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี ก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1159/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหารด้วยความเข้าใจผิด ศาลฎีกาพิพากษายืนตามกฎหมายเดิมและปัจจุบันว่าเป็นการขัดขืน
การที่ไม่ไปตามที่หมายเกณฑ์ตรวจคัดเลือกเข้ารับราชการทหารเพราะเข้าใจผิดว่าบิดาเป็นคนต่างด้าว และตรงกับประกาศทางราชการว่าไม่ต้องเข้ารับราชการทหารนั้น ย่อมถือว่าเป็นการหลีกเลี่ยงขัดขืนการเกณฑ์
เมื่อศาลเห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดซึ่งจะลงโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ศาลจะใช้ดุลพินิจให้รอการกำหนดโทษไว้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี ก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1983/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรอการลงโทษจำคุกซ้ำ: ศาลมีอำนาจแม้จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน
จำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุก แต่ศาลให้รอการลงโทษไว้ แล้วกลับมากระทำผิดอีกภายในกำหนดเวลา ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจให้รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยอีกได้
คำว่า "ได้รับโทษจำคุกมาก่อน" ใน มาตรา 41 ที่แก้ไขใหม่หมายความว่า จำเลยต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้ว หาใช่เพียงแต่ถูกคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก แต่ศาลให้รอการลงโทษจำคุกนั้นไว้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดโทษจำคุกและรอการลงโทษในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ.2472 มาตรา 53 ซึ่งแก้ไขโดยพระราชบัญญัติฝิ่น(ฉบับที่ 6) พ.ศ.2494 อันมีกำหนดโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงยี่สิบปี และปรับสิบเท่าราคาฝิ่น แต่ต้องไม่น้อยกว่า 500 บาทนั้น เมื่อศาลเห็นว่าจำเลยไม่ควรรับโทษจำคุกเกินกว่า 2 ปีแล้วศาลจะพิพากษาให้รอการกำหนดโทษจำคุกไว้ภายใน 5 ปี ก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611-1613/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา, บาดเจ็บสาหัส, และการเพิ่มโทษจำคุกสำหรับผู้เคยได้รับรอการลงโทษ
ฟ้องบรรยายว่า จำเลยบังอาจสมคบกันใช้กำลังกายโดยใช้มือกอดรัดคอ ตบ ตี ชก และข้อศอกตีและใช้เท้าเตะกลุ้มรุมทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ฯลฯ ดังนี้ เป็นการบรรยายข้อเท็จจริงพอสมควรเท่าที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ถูกทำร้ายมีบาดแผล 4 แห่ง คือ หน้าผากเหนือคิ้วขวาเป็นรอยขีดหนังขาดโลหิตซับ ที่ใต้ตาขวาฟกช้ำหนังกำพร้าขาดโลหิตซับ เหนือคิ้วซ้ายมีรอยฟกบวมเล็กน้อย กับที่ต้นคอและบ่าซ้ายช้ำบวมอักเสบและที่ข้อไหล่ซ้ายเคล็ดใช้แขนไม่สะดวกอีกแห่งหนึ่ง บาดแผลหลังนี้ต้องรักษาอยู่เดือนเศษจึงหาย เรียกได้ว่ามีอาการถึงทุพพลภาพ จึงเป็นบาดเจ็บตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 254
กฎหมายลักษณะอาญา แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 14 พ.ศ.2494 ที่แก้ไขมาตรา 41,42 นั้น ไม่มีการเพิ่มโทษสำหรับคนที่ถูกรอการลงอาญาไว้ และการที่จะนำโทษเก่ามาบวกกับโทษใหม่ตามมาตรา 42 นั้น โทษครั้งใหม่ที่จำเลยได้รับต้องเป็นโทษจำคุกด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1611-1613/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเพียงพอของฟ้องอาญา และการพิจารณาบาดแผลถึงทุพพลภาพเพื่อลงโทษทางอาญา
ฟ้องบรรยายว่า จำเลยบังอาจสมคบกันใช้กำลังกายโดยใช้มือกอดรัดคอ ตบ ตี ชก และข้อศอกตีและใช้เท้าเตะกลุ้มรุมทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย ฯลฯ ดังนี้ เป็นการบรรยายข้อเท็จจริงพอสมควรเท่าที่จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 แล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ถูกทำร้ายมีบาดแผล 4 แห่ง คือ หน้าผากเหนือคิ้วขวาเป็นรอยขีดหนังขาดโลหิตชับ ที่ใต้ตาขวาฟกช้ำหนังกำพร้าขาดโลหิตชับเหนือคิ้วซ้ายมีรอยฟกบวมเล็กน้อยกับที่ต้นคอและบ่าซ้ายบวมอักเสบและที่ข้อไหล่ซ้ายเคล็ดใช้แขนไม่สดวกอีกแห่งหนึ่ง บาดแผลหลังนี้ต้องรักษาอยู่เดือนเศษจึงหาย เรียกได้ว่ามีอาการถึงทุพพลภาพ จึงเป็นบาดเจ็บตามก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 254
ก.ม.ลักษณะอาญาแก้ไขเพิ่มเติมฉะบับที่ 14 พ.ศ.2494 ที่แก้ไขมาตรา 41,42 นั้น ไม่มีการเพิ่มโทษสำหรับที่ถูกรอการลงอาญาไว้ และการที่จะนำโทษเก่ามาบวกกับโทษใหม่ตามมาตรา 42 นั้น โทษครั้งใหม่ที่จำเลยได้รับต้องเป็นโทษจำคุกด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงโดยสมคบกันหลอกลวงผู้เสียหายให้จำนองทรัพย์สินที่จำนองไปแล้ว ศาลฎีกาให้รอการลงอาญาผู้ต้องหาที่เป็นหญิงมีบุตรเล็ก
ผู้ที่รับจำนองร้านค้าไว้จนหลุดเป็นสิทธิของตน แล้วได้ร่วมคิดกับผู้จำนอง เอาร้านค้านั้นไปจำนองผู้เสียหายอีกและพูกรับรองว่า ร้านค้านั้นไม่ได้จำนองหรือขายฝากไว้กับผู้ใด ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงรับจำนองไว้ และชำระเงินให้ผู้รับจำนองเดิม ดังนี้ ถือว่าผู้รับจำนองเดิมสมคบกับผู้จำนองฉ้อโกงผู้เสียหาย
ดุลยพินิจในการรอการลงอาญาจำเลยที่เป็นหญิงมีบุตรอ่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงโดยร่วมกันหลอกลวงจำนองทรัพย์สินที่ตนมีสิทธิอยู่แล้ว ศาลให้รอการลงอาญาผู้หญิงมีบุตรอ่อน
ผู้ที่รับซื้อฝากร้านค้าไว้จนหลุดเป็นสิทธิของตนแล้วได้ร่วมคิดกับผู้ขายฝากเอาร้านค้านั้นไปจำนองผู้เสียหายอีกและพูดรับรองว่า ร้านค้านั้นไม่ได้จำนองหรือขายฝากไว้กับผู้ใด ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงรับจำนองไว้ และชำระเงินให้ผู้รับซื้อฝาก ดังนี้ถือว่าผู้รับซื้อฝากสมคบกับผู้จำนองฉ้อโกงผู้เสียหาย
เมื่อโจทก์ถอนฟ้องไม่ดำเนินคดีเอาโทษฐานฉ้อโกงแก่ผู้จำนองซึ่งกระทำผิดและปรากฏว่าผู้รับซื้อฝาก ซึ่งร่วมกระทำผิดด้วยเป็นหญิงมีบุตรอ่อนเห็นควรให้รอการลงอาญาแก่ผู้รับซื้อฝากตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 41,42, ได้
of 4