พบผลลัพธ์ทั้งหมด 23 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 780/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหย่าต้องมีเหตุอันสมควร และสัญญาประนีประนอมย่อมระงับสิทธิเรียกร้องเดิม การฟ้องซ้ำและอายุความ
เหตุหย่าในข้อจงใจละทิ้งร้างเกินกว่า 1 ปีนั้น ตราบใดที่ยังทิ้งร้างกันอยู่ ก็ย่อมมีสิทธิฟ้องขอหย่าได้ ไม่ขาดอายุความ
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2502)
คดีก่อน ศาลพิพากษายกฟ้อง โดยอ้างเหตุว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมในข้อที่กล่าวหาว่าจำเลยร้องเรียนต่อกรมมหาดไทย เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ และที่ว่าจำเลยลงใจละทิ้งร้างโจทก์นั้น ในฟ้องไม่กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อใด ทิ้งร้างไปเมื่อใด โดยยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นข้อโต้เถียงเรื่องการหย่าเลย โจทก์ฟ้องคดีหลังกล่าวหาว่าจำเลยร้องเรียนต่อกรมมหาดไทย และร้องเรียนต่อสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายอันเป็นการกระทำเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันและว่าจำเลยจงใจทิ้งร้างโจทก์เป็นเวลากว่า 1 ปี เป็นคนละประเด็น คนละเหตุไม่เป็นฟ้องซ้ำ
กล่าวฟ้องว่า จำเลยมีเจตนาจงใจละทิ้งร้างโจทก์ไป ย่อมแสดงความหมายอยู่ในตัวแล้ว ไม่จำต้องกล่าวว่ากระทำการอย่างใด อันได้ชื่อว่าเป็นการจงใจละทิ้งร้าง ฟ้องเช่นนี้ไม่เคลือบคลุม
เมื่อปรากฏว่า โจทก์เองก็ไม่ต้องการจะให้จำเลยมาอยู่ร่วมกับโจทก์ โจทก์จะกลับมาฟ้องขอหย่าโดยอ้างเหตุว่าจำเลยมีเจตนาจงใจละทิ้งร้างโจทก์หาได้ไม่ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอหย่าจำเลยตามข้ออ้างเช่นว่านี้
โจทก์ฟ้องขอหย่าอ้างเหตุว่า จำเลยกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากัน แต่ปรากฏว่า เป็นเรื่องเกิดขึ้นก่อนที่โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมกัน โจทก์จะอ้างเหตุที่ว่านั้นมาเป็นข้อฟ้องหย่าหาได้ไม่ เพราะผลของสัญญาประนีประนอมนั้น ย่อมทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไป และทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญานั้นว่าเป็นของตน
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2502)
คดีก่อน ศาลพิพากษายกฟ้อง โดยอ้างเหตุว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมในข้อที่กล่าวหาว่าจำเลยร้องเรียนต่อกรมมหาดไทย เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ และที่ว่าจำเลยลงใจละทิ้งร้างโจทก์นั้น ในฟ้องไม่กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อใด ทิ้งร้างไปเมื่อใด โดยยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นข้อโต้เถียงเรื่องการหย่าเลย โจทก์ฟ้องคดีหลังกล่าวหาว่าจำเลยร้องเรียนต่อกรมมหาดไทย และร้องเรียนต่อสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายอันเป็นการกระทำเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันและว่าจำเลยจงใจทิ้งร้างโจทก์เป็นเวลากว่า 1 ปี เป็นคนละประเด็น คนละเหตุไม่เป็นฟ้องซ้ำ
กล่าวฟ้องว่า จำเลยมีเจตนาจงใจละทิ้งร้างโจทก์ไป ย่อมแสดงความหมายอยู่ในตัวแล้ว ไม่จำต้องกล่าวว่ากระทำการอย่างใด อันได้ชื่อว่าเป็นการจงใจละทิ้งร้าง ฟ้องเช่นนี้ไม่เคลือบคลุม
เมื่อปรากฏว่า โจทก์เองก็ไม่ต้องการจะให้จำเลยมาอยู่ร่วมกับโจทก์ โจทก์จะกลับมาฟ้องขอหย่าโดยอ้างเหตุว่าจำเลยมีเจตนาจงใจละทิ้งร้างโจทก์หาได้ไม่ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอหย่าจำเลยตามข้ออ้างเช่นว่านี้
โจทก์ฟ้องขอหย่าอ้างเหตุว่า จำเลยกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากัน แต่ปรากฏว่า เป็นเรื่องเกิดขึ้นก่อนที่โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมกัน โจทก์จะอ้างเหตุที่ว่านั้นมาเป็นข้อฟ้องหย่าหาได้ไม่ เพราะผลของสัญญาประนีประนอมนั้น ย่อมทำให้การเรียกร้องซึ่งแต่ละฝ่ายได้ยอมสละนั้นระงับสิ้นไป และทำให้แต่ละฝ่ายได้สิทธิตามที่แสดงในสัญญานั้นว่าเป็นของตน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1402/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจงใจทิ้งร้างและการแสดงความห่วงใย: ศาลฎีกาตัดสินว่าการไปมาหาสู่และอุปการะบุตร ไม่ถือเป็นการจงใจทิ้งร้าง
ถึงแม้สามีจะได้แยกไปอยู่กับภริยาใหม่แล้วก็ดี แต่ก็ยังไปมาที่บ้านภริยาเดิม ไปร่วมรับประทานอาหารกับบุตรเกือบทุกวันและทั้งยังเป็นผู้อุปการะบุตรอยู่ด้วย ภริยาเดิมสั่งคนเฝ้าบ้านไม่ให้ใครเข้าห้องนอกจากตนเองกับลูก ๆ แม้กระนั้นสามีก็ยังอุตส่าห์ไปมาที่บ้านภริยาเดิมอยู่แทบทุกวัน สามีไปบ้านภริยาเดิมทีไร ก็ตั้งข้อสังเกตุสอบถามคนในบ้านว่ามีใครไปมาหาโจทก์เป็นการแสดงกิริยาหวงแหนสนใจในความเป็นอยู่ของโจทก์ พฤติการณ์ดั่งกล่าวนี้ จะถือว่าสามีจงใจละทิ้งร้างภริยาเดิมเพื่ออ้างมาเป็นเหตุฟ้องหย่าหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1402/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจงใจละทิ้งร้างต้องพิจารณาพฤติการณ์โดยรวม แม้แยกบ้านแต่ยังมีความสัมพันธ์และอุปการะบุตรย่อมไม่ถือเป็นการละทิ้ง
ถึงแม้สามีจะได้แยกไปอยู่กับภริยาใหม่แล้วก็ดี แต่ก็ยังไปมาที่บ้านภริยาเดิม ไปร่วมรับประทานอาหารกับบุตรเกือบทุกวันและทั้งยังเป็นผู้อุปการะบุตรอยู่ด้วย ภริยาเดิมสั่งคนเฝ้าบ้านไม่ให้ใครเข้าห้องนอกจากตนเองกับลูกๆ แม้กระนั้นสามีก็ยังอุตส่าห์ไปมาที่บ้านภริยาเดิมอยู่แทบทุกวัน.สามีไปบ้านภริยาเดิมทีไร ก็ตั้งข้อสังเกตสอบถามคนในบ้านว่ามีใครไปมาหาโจทก์ เป็นการแสดงกิริยาหวงแหนสนใจในความเป็นอยู่ของโจทก์ พฤติการณ์ดังกล่าวนี้ จะถือว่าสามีจงใจละทิ้งภริยาเดิมเพื่ออ้างมาเป็นเหตุฟ้องหย่าหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1609/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุหย่าจากการระหองระแหง, ทิ้งร้าง, และไม่ส่งเสียเลี้ยงดู
ตามจดหมายที่จำเลยมีไปถึงโจทก์ 2 ฉบับ แสดงออกชัดว่ามีการระหองระแหง จำเลยบอกใบ้จะมีภรรยาใหม่ รบเร้าให้เพิกถอนทะเบียนสมรส และจำเลยก็มิได้ให้เห็นเหตุเป็นอย่างอื่น จดทะเบียนสมรสแล้วหลับนอนกันคืนแรกคืนเดียวต่อๆ มายิ่งนานก็ยิ่งแสดงออกว่าหมดความรักใคร่ต่อกันยิ่งขึ้น และมิได้ส่งเสียเลี้ยงดูโจทก์มาเป็นเวลากว่าปีแล้ว ถือว่ามีเหตุสมควรที่จะให้หย่ากันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1609/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหย่าเนื่องจากความสัมพันธ์ระหองระแหง การบอกใบ้มีภรรยาใหม่ และการไม่ส่งเสียเลี้ยงดู
ตามจดหมายที่จำเลยมีไปถึงโจทก์ 2 ฉบับ แสดงออกชัดว่ามีการระหองระแหง จำเลยบอกใบ้จะมีภรรยาใหม่ รบเร้าให้เพิกถอนทะเบียนสมรส และจำเลยก็มิได้แก่ให้เห็นเหตุเป็นอย่างอื่น จดทะเบียนสมรสแล้วหลับนอนกันคืนแรกคืนเดียวต่อ ๆ มายิ่งนานก็ยิ่งแสดงออกว่าหมดความรักใคร่ต่อกันยิ่งขึ้น และมิได้ส่งเสียเลี้ยงดูโจทก์มาเป็นเวลากว่าปีแล้ว ถือว่ามีเหตุสมควรที่จะให้หย่ากันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1609/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหย่าเนื่องจากระหองระแหง, ละทิ้ง, และหมดความรักใคร่ต่อกัน
ตามจดหมายที่จำเลยมีไปถึงโจทก์ 2 ฉบับ แสดงออกชัดว่ามีการระหองระแหง จำเลยบอกใบ้จะมีภรรยาใหม่ รบเร้าให้เพิกถอนทะเบียนสมรส และจำเลยก็มิได้ให้เห็นเหตุเป็นอย่างอื่น จดทะเบียนสมรสแล้วหลับนอนกันคืนแรกคืนเดียวต่อๆ มายิ่งนานก็ยิ่งแสดงออกว่าหมดความรักใคร่ต่อกันยิ่งขึ้น และมิได้ส่งเสียเลี้ยงดูโจทก์มาเป็นเวลากว่าปีแล้ว ถือว่ามีเหตุสมควรที่จะให้หย่ากันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1456/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุหย่าต่อเนื่อง: ละทิ้งและไม่เลี้ยงดู แม้เวลาเกิน 2 ปี ไม่ขาดอายุความ
เหตุหย่าเพราะสามีจงใจละทิ้งภรรยา หรือสามีไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูภรรยานั้น ตราบใดที่เหตุดั่งกล่าวแล้วยังคงอยู่ ย่อมเป็นเหตุที่เกิดต่อเนื่องกันตลอดมา
สามีได้จงใจละทิ้งร้างภรรยาไปประเทศจีน เมื่อกลับมาแล้วก็มิได้มาอยู่กินกับภรรยาเยี่ยงสามีภรรยา ทั้งมิได้ส่งเสียอุปการะเลี้ยงดูภรรยาตามสมควร และสามีได้ปฏิบัติต่ภรรยาเช่นนี้ต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ภรรยาฟ้องของหย่า แม้จะเป็นเวลาเกินกว่า 2 ปี คดีก็หาขาดอายุความตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 2509 ไม่
สามีได้จงใจละทิ้งร้างภรรยาไปประเทศจีน เมื่อกลับมาแล้วก็มิได้มาอยู่กินกับภรรยาเยี่ยงสามีภรรยา ทั้งมิได้ส่งเสียอุปการะเลี้ยงดูภรรยาตามสมควร และสามีได้ปฏิบัติต่ภรรยาเช่นนี้ต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ภรรยาฟ้องของหย่า แม้จะเป็นเวลาเกินกว่า 2 ปี คดีก็หาขาดอายุความตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 2509 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1456/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เหตุจงใจละทิ้งและไม่เลี้ยงดูต่อเนื่องเป็นเหตุหย่าได้ แม้เกิน 2 ปี ไม่ขาดอายุความ
เหตุหย่าเพราะสามีจงใจละทิ้งภรรยา หรือสามีไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูภรรยานั้น ตราบใดที่เหตุดังกล่าวแล้วยังคงอยู่ ย่อมเป็นเหตุที่เกิดต่อเนื่องกันตลอดมา
สามีได้จงใจละทิ้งร้างภรรยาไปประเทศจีน เมื่อกลับมาแล้วก็มิได้มาอยู่กินกับภรรยาเยี่ยงสามีภรรยา ทั้งมิได้ส่งเสียอุปการะเลี้ยงดูภรรยาตามสมควร และสามีได้ปฏิบัติต่อภรรยาเช่นนี้ต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ภรรยาฟ้องขอหย่า แม้จะเป็นเวลาเกินกว่า 2 ปี คดีก็หาขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1509 ไม่
สามีได้จงใจละทิ้งร้างภรรยาไปประเทศจีน เมื่อกลับมาแล้วก็มิได้มาอยู่กินกับภรรยาเยี่ยงสามีภรรยา ทั้งมิได้ส่งเสียอุปการะเลี้ยงดูภรรยาตามสมควร และสามีได้ปฏิบัติต่อภรรยาเช่นนี้ต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ภรรยาฟ้องขอหย่า แม้จะเป็นเวลาเกินกว่า 2 ปี คดีก็หาขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1509 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1466/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหย่าเนื่องจากสามีประพฤติชั่วร้ายแรง ทั้งทำร้ายร่างกายและจิตใจ ภริยาขอหย่าได้
สามีเมาสุราเสมอเพราะเป็นคนติดสุราต้องเสพทุกวัน แล้วก็ทุบตีด่าว่าภริยาเสมอมา ภริยาและบุตรเคยห้ามปรามก็ไม่ฟัง บางครั้งก็เตะและใช้ไม้ทำร้ายภริยา และทำลายสิ่งของโดยใช่เหตุ ใช้มีดไล่ทำร้ายก็เคยมี บางครั้งก็ต่อยถึงฟันหัก พฤติการณ์ทั้งปวงดังกล่าวประกอบกันฟังได้ว่าสามีประพฤติชั่วแก่ภริยาถึงขนาดร้ายแรง ภริยาฟ้องหย่าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1814/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติต่อภริยาเสมือนนางบำเรอ เป็นเหตุให้หย่าได้ แม้มีการอุปการะเลี้ยงดู
โจทก์ซึ่งเป็นภริยาฟ้องหย่าขาดจากจำเลย อ้างเหตุว่าไม่อุปการะเลี้ยงดูตามสมควรและทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยาอย่างร้ายแรง ได้ความว่าจำเลยถือว่าโจทก์เป็นนางบำเรอโดยซื้อมาและยังยืนยันให้การเช่นนั้นตลอดมาดังนี้ ถือว่า ที่จำเลยถือเอาฐานะโจทก์เป็นดังนั้น เป็นการปฏิบัติที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยาอย่างร้ายแรงเพราะมิได้รับและยกย่องโจทก์เป็นภริยา เป็นเหตุให้หย่าได้