คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นิติธรรมประกรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 548 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1456/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุจงใจละทิ้งและไม่เลี้ยงดูต่อเนื่องเป็นเหตุหย่าได้ แม้เกิน 2 ปี ไม่ขาดอายุความ
เหตุหย่าเพราะสามีจงใจละทิ้งภรรยา หรือสามีไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูภรรยานั้น ตราบใดที่เหตุดังกล่าวแล้วยังคงอยู่ ย่อมเป็นเหตุที่เกิดต่อเนื่องกันตลอดมา
สามีได้จงใจละทิ้งร้างภรรยาไปประเทศจีน เมื่อกลับมาแล้วก็มิได้มาอยู่กินกับภรรยาเยี่ยงสามีภรรยา ทั้งมิได้ส่งเสียอุปการะเลี้ยงดูภรรยาตามสมควร และสามีได้ปฏิบัติต่อภรรยาเช่นนี้ต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ภรรยาฟ้องขอหย่า แม้จะเป็นเวลาเกินกว่า 2 ปี คดีก็หาขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1509 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1456/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุหย่าต่อเนื่อง: ละทิ้งและไม่เลี้ยงดู แม้เวลาเกิน 2 ปี ไม่ขาดอายุความ
เหตุหย่าเพราะสามีจงใจละทิ้งภรรยา หรือสามีไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูภรรยานั้น ตราบใดที่เหตุดั่งกล่าวแล้วยังคงอยู่ ย่อมเป็นเหตุที่เกิดต่อเนื่องกันตลอดมา
สามีได้จงใจละทิ้งร้างภรรยาไปประเทศจีน เมื่อกลับมาแล้วก็มิได้มาอยู่กินกับภรรยาเยี่ยงสามีภรรยา ทั้งมิได้ส่งเสียอุปการะเลี้ยงดูภรรยาตามสมควร และสามีได้ปฏิบัติต่ภรรยาเช่นนี้ต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ภรรยาฟ้องของหย่า แม้จะเป็นเวลาเกินกว่า 2 ปี คดีก็หาขาดอายุความตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา 2509 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1434/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ด้วยการส่งมอบข้าวเปลือก และสิทธิเรียกร้องตามสัญญาซื้อขาย แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้อข้าวเปลือกของโจทก์ไป ยังไม่ได้ชำระราคา โดยตกลงจะหักหนี้ที่โจทก์กู้เงินจำเลยไว้ แต่ภายหลังจำเลยกลับเอาสัญญากู้มาฟ้องเรียกเงินจากโจทก์ โดยไม่หักค่าข้าวเปลือกให้ตามที่ตกลงกันไว้ ดังนี้ แม้การซื้อขายข้าวเปลือกจะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่ได้มีการส่งมอบข้าวเปลือกกันแล้ว ซึ่งถือได้ว่ามีการชำระหนี้กันแล้ว โจทก์ก็ย่อมมีสิทธิฟ้องร้องเรียกให้จำเลยส่งข้าวเปลือกคืน หรือใช้ราคาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1434/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายข้าวเปลือกและการหักหนี้: สิทธิเรียกร้องเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้อข้าวเปลือกของโจทก์ไป ยังไม่ได้ชำระราคา โดยตกลงจะหักหนี้ที่โจทก์กู้เงินจำเลยไว้ แต่ภายหลังจำเลยกลับเอาสัญญากู้มาฟ้องเรียกเงินจากโจทก์ โดยไม่หักค่าข้าวเปลือกให้ตามที่ตกลงกันไว้ ดังนี้ แม้การซื้อขายข้าวเปลือกจะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่ได้มีการส่งมอบข้าวเปลือกกันแล้ว ซึ่งถือได้ว่ามีการชำระหนี้กันแล้ว โจทก์ก็ย่อมมีสิทธิฟ้องร้องเรียกให้จำเลยส่งข้าวเปลือกคืน หรือใช้ราคาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1418/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความมรดก: การรับมรดกความดำเนินคดีและการครอบครองทรัพย์สินหลังมีคำพิพากษา
บิดาเป็นความพิพาทเรื่องกรรมสิทธิที่ดินอยู่กับผู้อื่น แล้วบิดาตายในระหว่างคดี บุตรคนหนึ่งเข้ารับมรดกความดำเนินคดีต่อมาอีกราว 2 ปี คดีถึงที่สุดบิดาชนะคดี ที่ดินพิพาทจึงตกเป็นมรดกตกได้แก่ทายาท และปรากฎด้วยว่าทายาทของบิดาต่างก็มิได้ยึดถือครอบครองที่ดินพิพาทนี้ ดังนี้ ทายาทอื่นฟ้องทายาทผู้รับมรดกความ ขอแบงมรดกที่ดินแปลงนี้ เมื่อภายหลังที่ศาลชี้ขาดกรรมสิทธิในที่ดินพิพาทราว 1 เดือนได้ แม้จะเป็นเวลาที่เจ้ามรดกตายแล้วเกิน 1 ปีก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1418/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดกที่ดินหลังคดีกรรมสิทธิ์สิ้นสุด และผลกระทบต่อทายาทที่รับมรดก
บิดาเป็นความพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินอยู่กับผู้อื่น แล้วบิดาตายในระหว่างคดี บุตรคนหนึ่งเข้ารับมรดกความดำเนินคดีต่อมาอีกราว 2 ปี คดีถึงที่สุดบิดาชนะคดี ที่ดินพิพาทจึงตกเป็นมรดกตกได้แก่ทายาท และปรากฏด้วยว่าทายาทของบิดาต่างก็มิได้ยึดถือครอบครองที่ดินพิพาทนี้ดังนี้ทายาทอื่นฟ้องทายาทผู้รับมรดกความ ขอแบ่งมรดกที่ดินแปลงนี้ เมื่อภายหลังที่ศาลชี้ขาดกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทราว 1 เดือนได้ แม้จะเป็นเวลาที่เจ้ามรดกตายแล้วเกิน 1 ปีก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1371-1372/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสามารถในการฟ้องคดีของผู้เยาว์และการแก้ไขความบกพร่องของคู่ความโดยศาล
ผู้เสียหายและอัยการต่างเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยหาว่าพยายามฆ่าผู้เสียหายขอให้ลงโทษ คนละสำนวน ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันมา โดยพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้อง จำเลยอุทธรณ์แม้จะปรากฎในชั้นอุทธรณ์ว่า ขณะฟ้องผู้เสียหายยังเป็นผู้เยาว์อายุ 19 ปี ไม่มีสิทธิที่จะดำเนินคดีได้โดยลำพังตนเองก็ดี ศาลย่อมให้โอาศแก่คู่ความฝ่ายที่บกพร่องในความสามารถแก้ไขความบกพร่องนั้น หรือศาลช่วยแก้ไขให้เสียเองก็ได้ แต่เมื่อไม่มีการแก้ไข และระยะเวลาล่วงเลยมาถึงขณะที่ศาลอุทธรณ์ฎีกากำลังพิจารณาคดีอยู่ ผู้เสียหายได้เป็นผู้ใหญ่และบรรลุนิติภาวะแล้ว ปัญหาเรื่องบกพร่องในความสามารถของผู้เสียหายโจทก์จึงหมดสิ้นไปและอัยการก็ได้เป็นโจทก์ฟ้องอยู่ด้วยสำนวนหนึ่ง ศาลก็ได้พิจารณาอยู่แล้วดังนี้ ศาลไม่ชอบที่จะยกฟ้องสำนวนที่ผู้เสียหายเป็นโจทก์เพราะเหตุดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1364/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับรองหนี้โดยปริยายของคู่สมรส
หญิงมีสามีก่อหนี้สินขึ้นโดยลำพัง แต่ภายหลังได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้สินนั้นขึ้น โดยสามีรับรู้ ลงลายมือชื่อในฐานะเป็นพยานไว้ในเอกสารรับสภาพหนี้นั้น ย่อมถือว่าสามีรับรองหรือให้สัตยาบันโดยปริยาย สามีจึงต้องรับผิดในหนี้สินนั้นด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1364/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับรองหนี้โดยปริยายของคู่สมรส: ผลผูกพันทางหนี้สินจากการลงลายมือชื่อเป็นพยาน
หญิงมีสามีก่อหนี้ขึ้นโดยลำพัง แต่ภายหลังได้ทำหนังสือรับสารภาพหนี้สินนั้นขึ้น โดยสามีรับรู้ ลงลายมือชื่อในฐานะเป็นพยานไว้ในเอกสารรับสารภาพหนี้นั้น ย่อมถือว่าสามีรับรองหรือให้สัตยาบันโดบปริยาย สามีจึงต้องรับผิดในหนี้สินนั้นด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1350/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการฟ้องคดีละเมิด: โจทก์ต้องแสดงเหตุแห่งการละเมิดตามที่ฟ้อง หากอ้างแต่การกระทำละเมิดโดยไม่แสดงสภาพของเรื่อง ศาลไม่อาจรับฟังข้อต่อสู้เกินขอบเขต
โจทก์ฟ้องกล่าวเป็นใจความว่า จำเลยไม่มีอำนาจอันชอบด้วยกฎหมายที่จะเก็บสิ่งของในตึก ซึ่งโจทก์ได้ให้ผู้อื่นเช่าเป็นการรบกวนผู้เช่าจะใช้ประโยชน์ในที่เช่า ขอให้บังคับให้จำเลยขนย้ายไป จำเลยต่อสู้ว่า จำเลยเป็นผู้เช่าอยู่อาศัยในตึกนี้มาราว 20 ปีเศษแล้ว ดังนี้ เห็นได้ว่าโจทก์ฟ้องอ้างเหตุเพียงว่าจำเลยเอาของไว้ในตึกเป็นการละเมิดเท่านั้น มิได้แสดงถึงการเช่าของจำเลย ฉะนั้นโจทก์จะสืบถึงว่าแม้จะมีการเช่า จำเลยก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ย่อมเป็นเรื่องห่างไกลประเด็นที่กล่าวในฟ้อง ศาลย่อมไม่รับฟัง
of 55