พบผลลัพธ์ทั้งหมด 548 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 907/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงขายที่ดินโดยหลอกลวง ชดใช้เงินให้ผู้เสียหาย และสิทธิในที่ดิน
จำเลยขายที่ดินให้ผู้เสียหายโดยนำชี้ที่ดินแปลงอื่นว่าเป็นที่ดินตามโฉนดที่ซื้อขายกัน ซึ่งความจริงที่ตามโฉนดมีราคาซื้อขายต่ำกว่าที่นำชี้มาก โจทก์จึงฟ้องหาว่าจำเลยฉ้อโกง และขอให้คืนหรือใช้เงินที่จำเลยรับไปคืนแก่ผู้เสียหาย เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องจำเลยก็ต้องคืนเงินให้ผู้เสียหาย ส่วนที่ดินนั้น จำเลยก็ต้องดำเนินการตามสิทธิของจำเลยต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 907/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฉ้อโกงขายที่ดินแปลงอื่น การคืนเงินและสิทธิในที่ดิน
จำเลยขายที่ดินให้ผู้เสียหาย โดยนำชี้ที่ดินแปลงอื่นว่าเป็นที่ดินตามโฉนดที่ซื้อขายกัน ซึ่งความจริงที่ตามโฉนดมีราคาซื้อขายต่ำกว่าที่นำชี้มาก โจทก์จึงฟ้องหาว่าจำเลยฉ้อโกง และขอให้คืนหรือใช้เงินที่จำเลยรับไปคืนแก่ผู้เสียหาย เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้อง จำเลยก็ต้องคืนเงินให้ผู้เสียหาย ส่วนที่ดินนั้น จำเลยก็ต้องดำเนินการตามสิทธิของจำเลยต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 896/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจตัวแทนบังคับคดีหลังตัวการเสียชีวิต: ทายาทยังไม่เป็นผู้จัดการมรดก
ตัวการได้มอบอำนาจให้ตัวแทนเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ของตัวการ ศาลพิพากษาให้ขับไล่จำเลย คดีถึงที่สุด ในระหว่างดำเนินการขอบังคับคดี ตัวการถึงแก่กรรม ดังนี้ การที่ตัวแทนดำเนินการร้องขอบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาต่อไป จึงเป็นการกระทำเพื่อปกปักรักษาประโยชน์อันตัวการได้มอบหมายแก่ตัวแทนโดยสมควร ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 828 แล้ว
ทายาทของตัวการซึ่งได้ถึงแก่กรรมแล้ว กำลังพิพาทกับตัวแทนเกี่ยวด้วยแย่งกันเป็นผู้จัดการมรดกของตัวการอยู่ดังนี้ ยังถือว่าทายาทของตัวการยังมิได้เป็นผู้จัดการมรดก และยังหาอาจเข้ามาดำเนินการขอบังคับคดีซึ่งกำลังดำเนินอยู่ในศาลก่อนตัวการถึงแก่กรรมอย่างใดไม่
ทายาทของตัวการซึ่งได้ถึงแก่กรรมแล้ว กำลังพิพาทกับตัวแทนเกี่ยวด้วยแย่งกันเป็นผู้จัดการมรดกของตัวการอยู่ดังนี้ ยังถือว่าทายาทของตัวการยังมิได้เป็นผู้จัดการมรดก และยังหาอาจเข้ามาดำเนินการขอบังคับคดีซึ่งกำลังดำเนินอยู่ในศาลก่อนตัวการถึงแก่กรรมอย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 896/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจตัวแทนขอบังคับคดีหลังตัวการเสียชีวิต: ทายาทยังมิได้เป็นผู้จัดการมรดก
ตัวการได้มอบอำนาจให้ตัวแทนเป็นโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ของตัวการ ศาลพิพากษาให้ขับไล่จำเลย คดีถึงที่สุด ในระหว่างดำเนินการขอบังคับคดี ตัวการถึงแก่กรรม ดังนี้ การที่ตัวแทนดำเนินการร้องขอบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาต่อไป จึงเป็นการกระทำเพื่อปกปักรักษาประโยชน์อันตัวการได้มอบหมายแก่ตัวแทนโดยสมควร ตาม ป.พ.พ. มาตรา 828 แล้ว
ทายาทของตัวการซึ่งได้ถึงแก่กรรมแล้ว กำลังพิพาทกับตัวแทนเกี่ยวด้วยแย่งกันเป็นผู้จัดการมรดกของตัวการอยู่ ดังนี้ ยังถือว่าทายาทของตัวการยังมิได้เป็นผู้จัดการมรดก และยังหาอาจเข้ามาดำเนินการขอบังคับคดีซึ่งกำลังดำเนินอยู่ในศาลก่อนตัวการถึงแก่กรรมอย่างใดไม่
ทายาทของตัวการซึ่งได้ถึงแก่กรรมแล้ว กำลังพิพาทกับตัวแทนเกี่ยวด้วยแย่งกันเป็นผู้จัดการมรดกของตัวการอยู่ ดังนี้ ยังถือว่าทายาทของตัวการยังมิได้เป็นผู้จัดการมรดก และยังหาอาจเข้ามาดำเนินการขอบังคับคดีซึ่งกำลังดำเนินอยู่ในศาลก่อนตัวการถึงแก่กรรมอย่างใดไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิโดยชอบธรรมเกินกว่าเหตุ การลดโทษตามมาตรา 69
จำเลยนั่งอยู่ดีๆ ผู้ตายก็ชกเอาชกเอา ผู้ตายจึงถูกจำเลยแทงในขณะนั้น การที่ผู้ตายชกจำเลย เป็นการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และจำเลยแทงผู้ตายในขณะที่ผู้ตายกำลังชกจำเลยอยู่ จำเลยจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของจำเลย แต่การกระทำของจำเลยเป็นการเกินสมควรแก่เหตุ ศาลอาจลดโทษน้อยลงได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 884/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายและการเกินสมควรแก่เหตุ: การแทงเพื่อป้องกันการถูกทำร้าย
จำเลยนั่งอยู่ดี ๆ ผู้ตายก็ชกเอาชกเอา ผู้ตายจึงถูกจำเลยแทงในขณะนั้น การที่ผู้ตายชกจำเลย เป็นการประทุษร้าย อันละเมิดต่อกฎหมาย และจำเลยแทงผู้ตายในขณะที่ผู้ตายกำลังชกจำเลยอยู่ จำเลยจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของจำเลย แต่การกระทำของจำเลยเป็นการเกินสมควรแก่เหตุ ศาลอาจลดโทษน้อยลงได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานที่ให้การเพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี ถือเป็นพยานที่ไม่น่าเชื่อถือ คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนที่ปฏิเสธในชั้นศาลใช้ลงโทษไม่ได้
พยานที่เกิดจากการจูงใจให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่เอาพยานเป็นผู้ต้องหา รับฟังไม่ได้
ลำพังแต่คำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวน ซึ่งจำเลยปฏิเสธในชั้นศาลจะฟังมาลงโทษจำเลยยังไม่ได้
ลำพังแต่คำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวน ซึ่งจำเลยปฏิเสธในชั้นศาลจะฟังมาลงโทษจำเลยยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานที่เกิดจากการจูงใจด้วยการสัญญาว่าจะไม่ดำเนินคดี ไม่รับฟังได้ คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนที่ไม่สอดคล้องกับชั้นศาล ใช้ลงโทษจำเลยไม่ได้
พยานที่เกิดจากการจูงใจให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่เอาพยานเป็นผู้ต้องหา รับฟังไม่ได้
ลำพังแต่คำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวน ซึ่งจำเลยปฏิเสธในชั้นศาลจะฟังมาลงโทษจำเลยยังไม่ได้
ลำพังแต่คำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวน ซึ่งจำเลยปฏิเสธในชั้นศาลจะฟังมาลงโทษจำเลยยังไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 804/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่สมบูรณ์! จำเลยแจ้งความเท็จ-ทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพ โจทก์บรรยายฟ้องไม่ชัดเจน
ฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่า จำเลยร้องเรียนและแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ถ้าโจทก์มิได้บรรยายให้ชัดแจ้งว่า ข้อความที่จำเลยร้องเรียนและแจ้งแก่เจ้าพนักงานนั้น เท็จอย่างใดและความจริงเป็นฉันใด อันพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี แม้ข้อความในตอนท้ายจะมีกล่าวว่าโดยจำเลยรู้อยู่ก่อนแล้วว่า เป็นข้อความเท็จหรือมิได้มีการกระทำผิดอาญาเกิดขึ้น ก็เป็นข้อความที่กล่าวอย่างเคลือบคลุม ไม่ปรากฏว่าจำเลยรู้ว่าเป็นเท็จในข้อใด คำว่า "หรือมิได้มีการกระทำผิดอาญาเกิดขึ้น" ก็เป็นคำกล่าวอย่างกว้างๆ ไม่แน่ชัดว่าเหตุที่ไม่มีการกระทำผิดเกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะไม่มีการกระทำหรือว่าเป็นเพราะการกระทำนั้นไม่เป็นผิดอาญาทั้งมีคำว่า "หรือ" ประกอบอยู่ในฟ้อง ซึ่งเป็นถ้อยคำที่แสดงถึงการไม่ยืนยันให้แน่ชัด ฟ้องโจทก์เช่นนี้ย่อมไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยไปแจ้งความเท็จหาว่าโจทก์ลักทรัพย์เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานจับโจทก์ไปควบคุมไว้ ขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพนั้น การที่โจทก์ถูกจับกุมและถูกควบคุมตัวดังที่กล่าวในฟ้อง ย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานซึ่งจะเห็นสมควรปฏิบัติต่อโจทก์อย่างใดตามควรแก่กรณี เพียงแต่พิจารณาฟ้อง ก็ยกฟ้องได้แล้ว เพราะตามที่บรรยายในฟ้องจำเลยยังไม่มีความผิดฐานนี้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยไปแจ้งความเท็จหาว่าโจทก์ลักทรัพย์เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานจับโจทก์ไปควบคุมไว้ ขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพนั้น การที่โจทก์ถูกจับกุมและถูกควบคุมตัวดังที่กล่าวในฟ้อง ย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานซึ่งจะเห็นสมควรปฏิบัติต่อโจทก์อย่างใดตามควรแก่กรณี เพียงแต่พิจารณาฟ้อง ก็ยกฟ้องได้แล้ว เพราะตามที่บรรยายในฟ้องจำเลยยังไม่มีความผิดฐานนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 804/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแจ้งความเท็จต้องระบุรายละเอียดชัดเจน หากไม่ชัดเจนถือเป็นฟ้องไม่สมบูรณ์
ฟ้องโจทก์ที่บรรยายว่า จำเลยร้องเรียนแจ้งความเท็จจริงต่อเจ้าพนักงาน ถ้าโจทก์มิได้บรรยายให้ชัดแจ้งว่า ข้อความที่จำเลยร้องเรียนและแจ้งแก่เจ้าพนักงานนั้น เท็จอย่างใด และความจริงเป็นฉันใด อันพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี แม้ข้อความในตอนท้ายจะมีกล่าวว่า โดยจำเลยรู้อยู่ก่อนแล้วว่า เป็นข้อความเท็จหรือมิได้มีการกระทำผิดอาญาเกิดขึ้น ก็เป็นข้อความที่กล่าวอย่างเคลือบคลุม ไม่ปรากฏว่าจำเลยรู้ว่าเป็นข้อเท็จในข้อใด คำว่า "หรือมิได้มีการกระทำผิดอาญาเกิดขึ้น" ก็เป็นคำกล่าวอย่างกว้าง ๆ ไม่แน่ชัดว่าเหตุที่ไม่มีการกระทำผิดเกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะไม่มีการกระทำหรือว่าเป็นเพราะการกระทำนั้นไม่เป็นผิดอาญา ทั้งมีคำว่า "หรือ" ประกอบอยู่ในฟ้อง ซึ่งเป็นถ้อยคำที่แสดงถึงการไม่ยืนยันให้แน่ชัด ฟ้องโจทก์เช่นนี้ย่อมไม่สมบูรณ์ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยไปแจ้งความเท็จหาว่าโจทก์ลักทรัพย์เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานจับโจทก์ไปควบคุมไว้ ขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพนั้น การที่โจทก์ถูกจับกุมและถูกควบคุมตัวดังที่กล่าวในฟ้อง ย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานซึ่งจะเห็นสมควรปฏิบัติต่อโจทก์อย่างใด ตามควรแก่กรณี เพียงแต่พิจารณาฟ้อง ก็ยกฟ้องได้แล้ว เพราะตามที่บรรยายในฟ้องจำเลยยังไม่มีความผิดฐานนี้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยไปแจ้งความเท็จหาว่าโจทก์ลักทรัพย์เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานจับโจทก์ไปควบคุมไว้ ขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำให้เสื่อมเสียอิสระภาพนั้น การที่โจทก์ถูกจับกุมและถูกควบคุมตัวดังที่กล่าวในฟ้อง ย่อมเป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานซึ่งจะเห็นสมควรปฏิบัติต่อโจทก์อย่างใด ตามควรแก่กรณี เพียงแต่พิจารณาฟ้อง ก็ยกฟ้องได้แล้ว เพราะตามที่บรรยายในฟ้องจำเลยยังไม่มีความผิดฐานนี้