คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
นิติธรรมประกรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 548 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1728/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา แม้ไม่ระบุตัวผู้ถูกจ้างวาน หากจำเลยเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้
ฟ้องบรรยายว่าจำเลยสมคบกันใช้อุบายจ้างวานให้ผู้อื่นตัดฟันไม้สักในป่าโดยมิได้รับอนุญาต มิได้ระบุชื่อผู้ที่จำเลยจ้างงานก็ดี เมื่อฟ้องมีข้อความบรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิดและรายละเอียดต่าง ๆ พอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเพียงพอกับความประสงค์ ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 (5) และจำเลยก็เข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ก็ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1728/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การบรรยายข้อหาที่ชัดเจนเพียงพอให้จำเลยเข้าใจ
ฟ้องบรรยายว่าจำเลยสมคบกันใช้อุบายจ้างวานให้ผู้อื่นตัดฟันไม้สักในป่าโดยมิได้รับอนุญาต มิได้ระบุชื่อผู้ที่จำเลยจ้างวานก็ดี เมื่อฟ้องมีข้อความบรรยายการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยกระทำผิด และรายละเอียดต่างๆพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเพียงพอกับความประสงค์ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) และจำเลยก็เข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ก็ย่อมเป็นฟ้องที่สมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1676-1677/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รวมสำนวนคดีเดียวกัน แม้สืบพยานแยกกัน ศาลลงโทษฐานสมรู้ร่วมคิดได้
คดี 2 สำนวน ทั้งโจทก์และจำเลยจะต่างคนกัน ทั้งสองสำนวนแต่เป็นเรื่องกรณีเดียวกัน แม้ศาลสืบพยานแต่ละสำนวนกัน ก็พิพากษารวมกันได้ตามอำนาจในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 28
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการในการจัดให้มีการเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อปรากฏว่าเป็นเพียงผู้ทำไพ่ และคนไพ่อันเป็นการอุปการะแก่การกระทำผิดรายนี้ ศาลก็ย่อมลงโทษฐานสมรู้ได้ ตามนัยฎีกาที่205/2483,214/2484

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1676-1677/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รวมสำนวนคดีอาญาและพิจารณาโทษฐานสมรู้ร่วมคิด แม้ลงโทษฐานตัวการแต่ศาลอุทธรณ์แก้ไขเป็นสมรู้ร่วมคิดได้
คดี 2 สำนวน ทั้งโจทก์และจำเลยจะต่างคนกัน ทั้งสองสำนวนแต่เป็นเรื่องกรณีเดียวกัน แม้ศาลสืบพยานแต่ละสำนวนกัน ก็พิพากษารวมกันได้ตามอำนาจใน ป.ม.วิ.อาญามาตรา 15 ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 28
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการในการจัดให้มีการเล่นการพะนันโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อปรากฎว่าเป็นเพียงผู้ทำไพ่ และคนไพ่อันเป็นการอุปการะแก่การกระทำผิดรายนี้ศาลก็ย่อมลงโทษฐานสมรู้ได้ตามนัยฎีกาที่ 205/2483 , 214/2484

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1599/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สมรู้ร่วมคิด – การเพิกเฉยไม่ถือเป็นอุปการะ
โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยได้อยู่รู้เห็นการกระทำผิดโจทก์ได้ร้องขอช่วย จำเลยเพิกเฉย เพียงเท่านี้ไม่พอให้ถือว่าจำเลยได้สมรู้ ให้ความอุปการะแก่การกระทำผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 65 เพราะจำเลยมิได้กระทำการอย่างใดที่เป็นการอุปการะแก่การกระทำผิดนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1599/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมรู้ร่วมคิด – การเพิกเฉยต่อการกระทำผิด – ไม่ถือเป็นอุปการะ
โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยได้อยู่รู้เห็นการกระทำผิด โจทก์ได้ร้องขอช่วย จำเลยเพิกเฉย เพียงเท่านี้ไม่พอให้ถือว่าจำเลยได้สมรู้ ให้ความอุปการะแก่การกระทำผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 65 เพราะจำเลยมิได้กระทำการอย่างใดที่เป็นการอุปการะแก่การกระทำผิดนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1597/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าและสิทธิเลิกสัญญาเมื่อมีการขายสถานที่เช่า โดยมีข้อตกลงพิเศษที่ไม่ขัดกฎหมาย
ทำสัญญาเช่าเคหะกันมีอายุ 1 ปี แต่มีข้อแม้ไว้ข้อ 1 ว่า ถ้าให้ผู้เช่าตกลงขายที่และบ้านเช่าให้แก่ผู้ใดก่อน ครบกำหนดการเช่าตามสัญญาแล้วผู้ให้เช่าจะแจ้งให้ผู้เช่าทราบล่วงหน้า เพื่อผู้เช่าเตรียมตัวออกจากบ้านเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 เดือนและผู้ให้เช่าจะต้องแจ้งให้ผู้เช่าทราบด้วยว่าจะตกลงขายแก่ผู้ใด เป็นเงินเท่าใด เพื่อผู้เช่าจะได้มีโอกาศตกลงซื้อในเมื่อเห็นว่าเป็นราคาสมควร ดังนี้ ถือว่าเป็นข้อตกลงที่ไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯลฯ หรือความสงบเรียบร้อยของประชาชนแต่อย่างใด เมื่อผู้ให้เช่าขายสถานที่เช่าแก่คนอื่นไปโดยได้ปฏิบัติตามสัญญาแล้ว ก็ย่อมเลิกการเช่าได้ก่อนกำหนด 1 ปีและผู้เช่าก็จำต้องออกจากสถานที่เช่าไป จะอ้างว่าได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1597/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าและการเลิกสัญญาก่อนกำหนด: สิทธิของผู้ให้เช่าและผู้เช่า
ทำสัญญาเช่าเคหะกันมีอายุ 1 ปี แต่มีข้อแม้ไว้ข้อ1 ว่า ถ้าผู้ให้เช่าตกลงขายที่และบ้านเช่าให้แก่ผู้ใดก่อน ครบกำหนดการเช่าตามสัญญาแล้ว ผู้ให้เช่าจะแจ้งให้ผู้เช่าทราบล่วงหน้า เพื่อผู้เช่าเตรียมตัวออกจากบ้านเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 เดือน และผู้ให้เช่าจะต้องแจ้งให้ผู้เช่าทราบด้วยว่าจะตกลงขายแก่ผู้ใด เป็นเงินเท่าใดเพื่อผู้เช่าจะได้มีโอกาสตกลงซื้อในเมื่อเห็นว่าเป็นราคาสมควร ดังนี้ ถือว่าเป็นข้อตกลงที่ไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ หรือความสงบเรียบร้อยของประชาชนแต่อย่างใด เมื่อผู้ให้เช่าขายสถานที่เช่าแก่คนอื่นไปโดยได้ปฏิบัติตามสัญญาแล้ว ก็ย่อมเลิกการเช่าได้ก่อนกำหนด 1 ปีและผู้เช่าก็จำต้องออกจากสถานที่เช่าไปจะอ้างว่าได้รับความคุ้มครองจาก พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1580/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บุตรที่เกิดระหว่างสมรส แม้การสมรสไม่สมบูรณ์ ก็ยังมีสิทธิในมรดก
บุตรที่เกิดในระหว่างที่บิดมารดาสมรสอยู่กินด้วยกันฉันท์สามีภริยาและจดทะเบียนการสมรสกันแล้ว จนกระทั่งบิดาถึงแก่กรรมแล้วจึงมีคำพิพากษาของศาลชี้ขาด ว่าการจดทะเบียนสมรสระหว่างบิดากับมารดานั้น ไม่ชอบด้วย ก.ม.เพราะขณะนั้นบิดายังมีภริยาเดิมอยู่มิได้หย่าขาดกัน ดังนี้ ก็ต้องถือว่าบุตรนั้นเป็นบุตรที่ชอบด้วย ก.ม.ของบิดามารดาตลอดมา และมีสิทธิได้รับมรดกของบิดา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1580/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะบุตรชอบด้วยกฎหมายหลังการสมรสเป็นโมฆะ
บุตรที่เกิดในระหว่างที่บิดามารดาสมรสอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาและจดทะเบียนการสมรสกันแล้ว จนกระทั่งบิดาถึงแก่กรรมแล้วจึงมีคำพิพากษาของศาลชี้ขาด ว่าการจดทะเบียนสมรสระหว่างบิดากับมารดานั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะขณะนั้นบิดายังมีภริยาเดิมอยู่มิได้หย่าขาดกันดังนี้ ก็ต้องถือว่าบุตรนั้นเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของบิดามารดาตลอดมา และมีสิทธิได้รับมรดกของบิดา
of 55