พบผลลัพธ์ทั้งหมด 548 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 593/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของมาตรา 6 พ.ร.บ.การพนัน 2478 และการลงโทษจำเลย
คณะตุลาการรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ ต.2/2494 ลงวันที่4 มกราคม2494 วินิจฉัยว่า ความในมาตรา 6แห่ง พระราชบัญญัติการพนัน 2478 ไม่ขัดต่อบทรัฐธรรมนูญ มาตรา 30 ฉะนั้นศาลจึงอาศัยข้อความตาม พระราชบัญญัติการพนัน 2478 มาตรา 6 วินิจฉัยลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 583/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีภาษีเงินได้เกินอำนาจศาลแขวง: การเพิกถอนการประเมินภาษีและคืนเงินที่ชำระแล้ว
โจทก์ฟ้องประกอบด้วยคำขอท้ายฟ้อง แสดงให้เห็นว่าเจ้าพนักงานประเมินภาษี เงินได้ประเมินภาษีเงินได้ให้โจทก์ชำระเงิน 71,936.10 บาทเป็นการไม่ถูกต้อง จึงขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งที่เจ้าพนักงานประเมินภาษีได้ประเมินให้โจทก์ชำระภาษี71,936.10 บาท ซึ่งโจทก์ได้นำเงินไปชำระแล้วนั้นเสียดังนี้ ผลของคำพิพากษาในเมื่อโจทก์ชนะคดีก็คือโจทก์ย่อมได้รับเงินที่ชำระไว้แล้วคืน จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 150 เกินอำนาจศาลแขวงจะพิจารณาพิพากษาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 583/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีภาษีเงินได้ที่เกี่ยวข้องกับการชำระภาษีแล้ว ศาลพิจารณาว่ามีทุนทรัพย์เกินอำนาจศาลแขวง
โจทก์ฟ้องประกอบด้วยคำขอท้ายฟ้อง แสดงให้เห็นว่าเจ้าพนักงานประเมินภาษีเงินได้ประเมินภาษีเงินได้ให้โจทก์ชำระเงิน 71936.10 บาทเป็นการไม่ถูกต้อง จึงขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งที่เจ้าพนักงานประเมินภาษีได้ประเมินให้โจทก์ชำระภาษี 71936.10 บาท ซึ่งโจทก์ได้นำเงินไปชำระแล้วนั้นเสีย ดังนี้ ผลของคำพิพากษาในเมื่อโจทก์ชนะคดีก็คือ โจทก์ย่อมได้รับเงินที่ชำระไว้แล้วคืน จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 150 เกินอำนาจศาลแขวงจะพิจารณาพิพากษาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ความผิดฐานยักย้ายข้าวออกนอกเขตห้าม: โจทก์ต้องพิสูจน์จำเลยทราบประกาศ
ความผิดฐานยักย้ายข้าวออกนอกเขตห้ามขนย้ายข้าวฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการสำรวจและกักกันข้าวนั้น การที่จำเลยได้ทราบประกาศของคณะกรรมการ ฯลฯ หรือไม่ ย่อมเป็นองค์ความผิดอยู่ด้วย ฉะนั้นในฟ้องจะต้องกล่าวไว้ด้วยว่าจำเลยได้ทราบประกาศของคณะกรรมการ ฯลฯ นั้นแล้ว และได้ประพฤติฝ่าฝืนโดยประการใด มิฉะนั้นจะเป็นฟ้องที่ขาดองค์ความผิด ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
อนึ่งเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำผิดและมิได้รับว่าได้ทราบประกาศนี้แล้ว เช่นนี้ ย่อมเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้ทราบประกาศดังกล่าวแล้ว มิฉะนั้นจะเอาผิดแก่จำเลยไม่ได้ เพราะประกาศเช่นนี้แม้จะได้ประกาศในหนังสือราชกิจจาก็เป็นประกาศธรรมดา
อนึ่งเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำผิดและมิได้รับว่าได้ทราบประกาศนี้แล้ว เช่นนี้ ย่อมเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้ทราบประกาศดังกล่าวแล้ว มิฉะนั้นจะเอาผิดแก่จำเลยไม่ได้ เพราะประกาศเช่นนี้แม้จะได้ประกาศในหนังสือราชกิจจาก็เป็นประกาศธรรมดา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์เจตนาในความผิดฐานยักย้ายข้าว การที่จำเลยทราบประกาศห้ามขนย้ายเป็นองค์ความผิด โจทก์ต้องพิสูจน์
ความผิดฐานยักย้ายข้าวออกนอกเขตห้ามขนย้ายข้าวฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการสำรวจและกักกันข้าวนั้น การที่จำเลยได้ทราบประกาศของคณะกรรมการฯลฯหรือไม่ ย่อมเป็นองค์ความผิดอยู่ด้วย ฉะนั้นในฟ้องจะต้องกล่าวไว้ด้วยว่าจำเลยได้ทราบประกาศของคณะกรรมการฯลฯนั้นแล้วและได้ประพฤติฝ่าฝืนโดยประกาศใดมิฉะนั้นจะเป็นฟ้องที่ขาดองค์ความผิด ไม่ชอบด้วย ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158(5)
อนึ่งเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำผิดและมิได้รับว่าได้ทราบประกาศนี้แล้ว เช่นนี้ ย่อมเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้ทราบประกาศดังแล้ว มิฉะนั้นจะเอาผิดแก่จำเลยไม่ได้ เพราะประกาศเช่นนี้แม้จะได้ประกาศในหนังสือราชกิจจาก็เป็นประกาศธรรมดา ไม่มีกฎหมายสนับสนุนหรือให้อำนาจให้มีผลเสมือนหนึ่งเป็นกฎหมายอันประชาชนจะพึ่งปฏิเสธไม่ได้
(อ้างฎีกาที่ 1176/2492)
อนึ่งเมื่อจำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำผิดและมิได้รับว่าได้ทราบประกาศนี้แล้ว เช่นนี้ ย่อมเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้ทราบประกาศดังแล้ว มิฉะนั้นจะเอาผิดแก่จำเลยไม่ได้ เพราะประกาศเช่นนี้แม้จะได้ประกาศในหนังสือราชกิจจาก็เป็นประกาศธรรมดา ไม่มีกฎหมายสนับสนุนหรือให้อำนาจให้มีผลเสมือนหนึ่งเป็นกฎหมายอันประชาชนจะพึ่งปฏิเสธไม่ได้
(อ้างฎีกาที่ 1176/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 521/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภรรยา: การยินยอมถือเป็นสัตยาบันตามกฎหมาย
สามีได้ลงชื่อให้ความยินยอมไว้ในสัญญาซึ่งภรรยาเป็นผู้กู้นั้นเป็นหลักฐานพอให้ถือได้ว่า เป็นหนี้ร่วมตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1482(4) ซึ่งบัญญัติว่า 'หนี้ที่สามีหรือภริยาก่อขึ้นเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียว แต่อีกฝ่ายหนึ่งได้ให้สัตยาบัน' เพราะการที่สามีหรือภริยากระทำเช่นนี้ ก็เช่นเดียวกับการรับรองหรือให้สัตยาบันตามความหมายของกฎหมายมาตรานี้แล้ว และในกรณีเช่นนี้ถ้าเจ้าหนี้ฟ้องขอให้ล้มละลายแล้ว ทั้งสามีและภรรยาอาจถูกศาลมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดได้ทั้ง 2 คน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 521/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภรรยา: การลงชื่อให้ความยินยอมในสัญญากู้ถือเป็นการให้สัตยาบันตามกฎหมาย
สามีได้ลงชื่อให้ความยินยอมไว้ในสัญญาซึ่งภรรยาเป็นผู้กู้นั้น เป็นหลักฐานพอให้ถือได้ว่า เป็นหนี้ร่วมตามความใน ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 1482(4) ซึ่งบัญญัติว่า "หนี้ที่สามีหรือภริยาก่อขึ้นเพื่อประโยชน์ตนฝ่ายเดียว แต่อีกฝ่ายหนึ่งได้ให้สัตยาบัน" เพราะการที่สามีหรือภริยากระทำเช่นนี้ ก็เช่นเดียวกับการรับรองหรือให้สัตยาบันตามความหมายของกฎหมายมาตรานี้แล้ว และในกรณีเช่นนี้ถ้าเจ้าหนี้ฟ้องขอให้ล้มละลายแล้ว ทั้งสามีและภรรยาอาจถูกศาลมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดได้ทั้ง 2 คน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 497/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชิงทรัพย์: การใช้กำลังแย่งทรัพย์ที่ลักมาคืนถือเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
จำเลยลักไก่เขาไป เจ้าทรัพย์ติดตามพบในเวลากระชั้นชิด แล้วแย่งไก่คืนจากจำเลย จำเลยจึงทำร้ายเจ้าทรัพย์เพราะเจ้าทรัพย์แย่งไก่ที่จำเลยลักไปคืนจากจำเลย ย่อมเป็นการใช้กำลังทำร้ายเพื่อประสงค์จะเอาผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่จำเลยลักทรัพย์ตามความในกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 298(3) จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานชิงทรัพย์ กรรมที่จำเลยกระทำการลักและทำร้ายร่างกายเจ้าทรัพย์นั้นเป็นกรรมที่ต่อเนื่องเรื่องเดียวกัน หาใช่ต่างกรรมต่างวาระกันไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 497/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายหลังลักทรัพย์ถือเป็นชิงทรัพย์ กรรมต่อเนื่อง
จำเลยลักไก่เขาไปเจ้าทรัพย์ติดตามพบในเวลากระชั้นชิด แล้วแย่งไก่คืนจากจำเลย ๆ จึงทำร้ายเจ้าทรัพย์ เพราะเจ้าทรัพย์แย่งไก่ที่จำเลยลักไปคืนจากจำเลยย่อมเป็นการใช้กำลังทำร้ายเพื่อประสงค์จะเอาผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่จำเลยลักทรัพย์ตามความใน ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 298(3) จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานชิงทรัพย์ กรรมที่จำเลยกระทำการลักและทำร้ายร่างกายเจ้าทรัพย์นั้นเป็นกรรมที่ต่อเนื่องเรื่องเดียวกัน หาใช่ต่างกรรมต่างวาระกันไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 490/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินส่งผลถึงสัญญาเช่าห้องแถว ผู้เช่ามิอาจอ้าง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าได้หากยอมรับการบอกเลิก
เช่าที่ดินเขามาแล้วปลูกห้องแถวให้คนเช่าอยู่อาศัยเมื่อเจ้าของที่ดินบอกเลิกการเช่าที่ดินและให้รื้อห้องแถวไป ดังนี้ เจ้าของห้องแถวจึงฟ้องขับไล่ผู้เช่าห้องแถว เนื่องจากบอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว ผู้เช่าไม่ยอมออกไปถ้าผู้เช่ามิได้ให้การโต้แย้งการบอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินของเจ้าของที่ดินที่บอกเลิกกับเจ้าของห้องแถวไว้แล้ว แต่กลับแถลงรับว่าเป็นความจริงผู้เช่าย่อมไม่มีสิทธิที่จะยก พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯ มาใช้บังคับแก่เจ้าของห้องแถวได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2494)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2494)