พบผลลัพธ์ทั้งหมด 145 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2007/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างบทมาตราความผิดในฟ้องอาญา หากโจทก์ไม่ได้อ้างบทมาตรา ศาลไม่สามารถลงโทษตามบทมาตราที่ไม่ได้อ้างได้ แม้มีพยานหลักฐาน
ถึงแม้ในคำบรรยายฟ้องอาญา โจทก์จะได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดแล้วก็ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(6)ก็ยังมีความประสงค์ให้โจทก์อ้างบทมาตราแห่งความผิดไว้ในท้ายฟ้องด้วย
เมื่อโจทก์ไม่ได้อ้างบทมาตราแห่งความผิดไว้ในฟ้องเพราะความพลั้งเผลอ จะวินิจฉัยว่าโจทก์อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่ หาได้ไม่ และดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์จะสืบสมศาลก็ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่โจทก์ไม่ได้อ้างไม่ได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1)
เมื่อโจทก์ไม่ได้อ้างบทมาตราแห่งความผิดไว้ในฟ้องเพราะความพลั้งเผลอ จะวินิจฉัยว่าโจทก์อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่ หาได้ไม่ และดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์จะสืบสมศาลก็ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่โจทก์ไม่ได้อ้างไม่ได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2007/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอ้างบทมาตราความผิดในฟ้องอาญา หากโจทก์ไม่ได้อ้างบทมาตราในท้ายฟ้อง แม้ข้อเท็จจริงสอดคล้อง ศาลก็ลงโทษตามบทนั้นไม่ได้
ถึงแม้ในคำบรรยายฟ้องอาญา โจทก์จะได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดแล้วก็ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 158 (6) ก็ยังมีความประสงค์ให้โจทก์อ้างบทมาตราแห่งความผิดไว้ในท้ายฟ้องด้วย
เมื่อโจทก์ไม่ได้อ้างบทมาตราแห่งความผิดไว้ในฟ้องเพราะความพลั้งเผลอ จะวินิจฉัยว่าโจทก์อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิดตาม ป.วิ.อาญา ม.192 วรรค 4 หาได้ไม่ และดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์จะสืบสม ศาลก็ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่โจทก์ไม่ได้อ้างไม่ได้.
( ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1 )
เมื่อโจทก์ไม่ได้อ้างบทมาตราแห่งความผิดไว้ในฟ้องเพราะความพลั้งเผลอ จะวินิจฉัยว่าโจทก์อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิดตาม ป.วิ.อาญา ม.192 วรรค 4 หาได้ไม่ และดังนั้น แม้ข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์จะสืบสม ศาลก็ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่โจทก์ไม่ได้อ้างไม่ได้.
( ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1 )
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1682/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสำเร็จของความผิดฐานลักทรัพย์: การล้วงกระเป๋าและกุมธนบัตร
จำเลยลักทรัพย์โดยวิธีล้วงกระเป๋า จำเลยแกะกระดุมเปิดฝากระเป๋ากางเกงเอาธนบัตรออกมานอกกระเป๋า แล้วพอดีเจ้าทรัพย์รู้ตัวใช้มือตบกระเป๋าบังเอิญไปถูกมือจำเลยซึ่งกำลังกุมธนบัตรอยู่ ธนบัตรร่วงหล่นจากมือจำเลยลงไปที่เท้าเจ้าทรัพย์ ดังนี้เป็นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้ว ไม่ใช่เป็นความผิดฐานพยายาม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1682/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์สำเร็จ: การล้วงกระเป๋าเอาทรัพย์สินออกมาแล้ว แม้ทรัพย์สินจะหล่นก่อนถึงมือผู้กระทำผิด
จำเลยลักทรัพย์โดยวิธีล้วงกระเป๋า จำเลยแกะกระดุมเปิดฝากระเป๋ากางเกงเอาธนบัตรออกมานอกกระเป๋า แล้วพอดีเจ้าทรัพย์รู้ตัวใช้มือตบกระเป๋าบังเอิญไปถูกมือจำเลยซึ่งกำลังกุมธนบัตรอยู่ ธนบัตรร่วงหล่นจากมือจำเลยลงไปที่เท้าเจ้าทรัพย์ ดังนี้เป็นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้วไม่ใช่เป็นความผิดฐานพยายาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1626/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์หลังการฆ่า: เจตนาเอาทรัพย์ของผู้ตายถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าผู้ตายเพื่อเอาทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 250 แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยฆ่าผู้ตายจนถึงแก่ความตายแล้ว จำเลยจึงเกิดโลภเจตนาเอาทรัพย์ของผู้ตายในภายหลัง เช่นนี้ ถือว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความในการพิจารณาไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่ได้กล่าวในฟ้อง ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 288 ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2501)
โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องลักทรัพย์และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 15,400 บาท เจ้าพนักงานจับจำเลยและได้เงิน 900 บาทเป็นของกลาง แต่ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่าจำเลยเอาเงินสดจากเจ้าทรัพย์ไป 500 บาท จึงควรหักเงินสดของกลางคืนให้เจ้าทรัพย์ 500 บาทเท่าที่ได้ความว่าจำเลยเอาไป เหลือนอกนั้นคืนให้จำเลย ต่อจากนั้นเป็นเรื่องของโจทก์ที่จะดำเนินการบังคับคดีต่อไป
โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องลักทรัพย์และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 15,400 บาท เจ้าพนักงานจับจำเลยและได้เงิน 900 บาทเป็นของกลาง แต่ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่าจำเลยเอาเงินสดจากเจ้าทรัพย์ไป 500 บาท จึงควรหักเงินสดของกลางคืนให้เจ้าทรัพย์ 500 บาทเท่าที่ได้ความว่าจำเลยเอาไป เหลือนอกนั้นคืนให้จำเลย ต่อจากนั้นเป็นเรื่องของโจทก์ที่จะดำเนินการบังคับคดีต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1626/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงฐานความผิดจากฆ่าเพื่อชิงทรัพย์เป็นลักทรัพย์หลังเกิดเหตุ และการคืนเงินของกลาง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าผู้ตายเพื่อเอาทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.250 แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยฆ่าผู้ตายจนถึงแก่ความตายแล้ว จำเลยจึงเกิดโลภเจตนาเอาทรัพย์ของผู้ตายในภายหลังเช่นนี้ ถือว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความในการพิจารณาไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่ได้กล่าวในฟ้องลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.288 ได้.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2501)
โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องลักทรัพย์และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 15,400 บาท เจ้าพนักงานจับจำเลยและได้เงิน 900 บาทเป็นของกลาง แต่ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่าจำเลยเอาเงินสดจากเจ้าทรัพย์ไป 500 บาท จึงควรหักเงินสดของกลางคืนให้เจ้าทรัพย์ 500 บาทเท่าที่ได้ความว่าจำเลยเอาไป เหลือนอกนั้นคืนให้จำเลย ต่อจากนั้นเป็นเรื่องของโจทก์ที่จะดำเนินการบังคับคดีต่อไป.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2501)
โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องลักทรัพย์และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 15,400 บาท เจ้าพนักงานจับจำเลยและได้เงิน 900 บาทเป็นของกลาง แต่ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่าจำเลยเอาเงินสดจากเจ้าทรัพย์ไป 500 บาท จึงควรหักเงินสดของกลางคืนให้เจ้าทรัพย์ 500 บาทเท่าที่ได้ความว่าจำเลยเอาไป เหลือนอกนั้นคืนให้จำเลย ต่อจากนั้นเป็นเรื่องของโจทก์ที่จะดำเนินการบังคับคดีต่อไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาขัดแย้งกัน ทำให้จำเลยไม่เข้าใจข้อหา เป็นฟ้องที่ไม่ชอบ
บรรยายฟ้องข้อ 1 ว่าจำเลยลักทรัพย์ แต่กล่าวในฟ้องข้อ2 ว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจร เช่นนี้เป็นฟ้องที่ขัดกัน ทำให้จำเลยไม่เข้าใจข้อหาได้ดี เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2135/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์: การครอบครองทรัพย์ที่หลงลืม และการส่งมอบให้ผู้อื่น
เจ้าทรัพย์ลืมกระเป๋าทิ้งไว้ที่ข้างเกียร์บนรถยนต์ที่จำเลยเป็นผู้ขับขี่ , มีบุคคลอื่นมาพบและเก็บได้ถามว่ากระเป๋าของใคร ผู้โดยสารคนหนึ่งว่าเป็นของเขา ผู้เก็บได้จึงส่งกระเป๋าเงินให้จำเลยไปให้ผู้โดยสารคนนั้นเพราะมาด้วยกัน แต่จำเลยกลับเอาไว้เสียเองเช่นนี้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานยักยอกมิใช่ลักทรัพย์เพราะเมื่อเจ้าทรัพย์ลืมกระเป๋าเงินทิ้งไว้กรณีเป็นเก็บของตก ความยึดถือครอบครองทรัพย์ย่อมตกอยู่แก่คนกระเป๋ารถ ๆ มอบทรัพย์ให้อยู่ในความยึดถือครอบครองของจำเลยอีกต่อหนึ่ง โดยจำเลยไม่ทราบว่ากระเป๋าเป็นของใคร เมื่อจำเลยเอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียจึงมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2135/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์: การยึดถือครอบครองทรัพย์ที่หล่นหาย และเจตนาเอาทรัพย์ไปเป็นของตนเอง
เจ้าทรัพย์ลืมกระเป๋าทิ้งไว้ที่ข้างเกียร์บนรถยนต์ที่จำเลยเป็นผู้ขับขี่มีบุคคลอื่นมาพบและเก็บได้ถามว่ากระเป๋าของใคร ผู้โดยสารคนหนึ่งว่าเป็นของเขา ผู้เก็บได้จึงส่งกระเป๋าเงินให้จำเลยไปให้ผู้โดยสารคนนั้นเพราะมาด้วยกัน แต่จำเลยกลับเอาไว้เสียเองเช่นนี้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานยักยอกมิใช่ลักทรัพย์ เพราะเมื่อเจ้าทรัพย์ลืมกระเป๋าเงินทิ้งไว้กรณีเป็นเก็บของตก ความยึดถือครอบครองทรัพย์ย่อมตกอยู่แก่คนกระเป๋ารถๆ มอบทรัพย์ให้อยู่ในความยึดถือครอบครองของจำเลยอีกตอนหนึ่งโดยจำเลยไม่ทราบว่าเป็นของใคร เมื่อจำเลยเอาไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียจึงมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1947/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานลักทรัพย์จากการยิงโคและการชำแหละเนื้อโค ความรับผิดของผู้ร่วมกระทำ
ใช้ปืนยิงโคของผู้อื่นในตอนบ่ายแล้วตอนเย็นจึงมาชำแหละเอาเนื้อโคย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์แล้ว ส่วนผู้ที่มาร่วมชำแหละเนื้อโคด้วยในตอนหลังยังไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์