พบผลลัพธ์ทั้งหมด 145 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1540/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีลักทรัพย์และบุกรุกที่เกี่ยวข้องกับสถานที่เช่าเพื่อใช้เป็นโรงเรียน
ในคดีที่ฟ้องหาว่าจำเลยลักทรัพย์ ในฟ้องไม่ปรากฎว่า ทรัพย์ที่ถูกลักได้ถูกจับมาเป็นของกลางแต่อย่างใดและในคดีนั้นศาลฟังว่าจำเลยไม่มีผิดฐานลักทรัพย์ ศาลก็ย่อมไม่สั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ถูกลักไป
เช่าสถานที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นโรงเรียน ทำการสอนหนังสือเด็กเท่านั้น แม้จะมีครูผู้ดูแลอาศัยอยู่ด้วยก็ไม่ทำให้สถานที่นั้นเป็น " เคหะ " อันอยู่ในความคุ้มครองของพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
เช่าสถานที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นโรงเรียน ทำการสอนหนังสือเด็กเท่านั้น แม้จะมีครูผู้ดูแลอาศัยอยู่ด้วยก็ไม่ทำให้สถานที่นั้นเป็น " เคหะ " อันอยู่ในความคุ้มครองของพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1431/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ฟ้องเพิ่มเติมสถานที่เกิดเหตุไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ หากไม่หลงข้อต่อสู้เดิม
การขอเพิ่มเติมตำบลที่เกิดเหตุนั้น เป็นการขอแก้รายละเอียด ซึ่งต้องแถลงในฟ้องตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 164 โจทก์จะร้องขอแก้ในระยะใดระหว่างพิจารณาในศาลชั้นต้น ก็ไม่ถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบ เว้นแต่จำเลยได้หลงต่อสู้ในข้อที่ผิดหรือที่มิได้กล่าวไว้นั้น
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจทก์ เจ้าพนักงานจับโคของกลางได้จากจำเลย จำเลยให้การปฏิเสธข้อหาต่อสู้อ้างฐานที่อยู่ และว่าเจ้าพนักงานมิได้จับโคของกลางได้จากจำเลยดังนี้ การที่โจทก์ขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องว่า เหตุได้เกิดที่ตำบลอีกตำบลหนึ่งด้วย ย่อมเห็นได้ว่าไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ในข้อที่โจทก์มิได้กล่าวไว้แต่อย่างใด โจทก์จึงแก้ไขหรือเพิ่มเติมฟ้องได้
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจทก์ เจ้าพนักงานจับโคของกลางได้จากจำเลย จำเลยให้การปฏิเสธข้อหาต่อสู้อ้างฐานที่อยู่ และว่าเจ้าพนักงานมิได้จับโคของกลางได้จากจำเลยดังนี้ การที่โจทก์ขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องว่า เหตุได้เกิดที่ตำบลอีกตำบลหนึ่งด้วย ย่อมเห็นได้ว่าไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ในข้อที่โจทก์มิได้กล่าวไว้แต่อย่างใด โจทก์จึงแก้ไขหรือเพิ่มเติมฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1431/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้องอาญา: ศาลอนุญาตได้หากไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ
การขอเพิ่มเติมตำบลที่เกิดเหตุนั้น เป็นการขอแก้รายละเอียดซึ่งต้องแถลงในฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 164 โจทก์จะร้องขอแก้ในระยะใดระหว่างพิจารณาในศาลชั้นต้น ก็ไม่ถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบ เว้นแต่จำเลยได้หลงต่อสู้ในข้อที่ผิดหรือที่มิได้กล่าวไว้นั้นโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยลักทรัพย์หรือรับของโจร เจ้าพนักงานจับโคของกลางได้จากจำเลย จำเลยให้การปฏิเสธข้อหาต่อสู้อ้างฐานที่อยู่ และว่าเจ้าพนักงานมิได้จับโคของกลางได้จากจำเลย ดังนี้ การที่โจทก์ขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องว่า เหตุได้เกิดที่ตำบลอีกตำบลหนึ่งด้วย ย่อมเห็นได้ว่าไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ในข้อที่โจทก์มิได้กล่าวไว้แต่อย่างใด โจทก์จึงแก้ไขหรือเพิ่มเติมฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1421/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายเพื่อหลีกเลี่ยงการติดตามหลังลักทรัพย์เข้าข่ายความผิดชิงทรัพย์
ลักบุหรี่ที่เขาวางขายไว้ที่ร้ายแผงลอยไป 1 ซองแล้วเดินเรื่อย ๆ ไป เจ้าทรัพย์กับพวกติดตามในขณะนั้นชั่วระยะทางเพียงเล็กน้อยก็ทัน จำเลยจึงใช้มือชกต่อยพวกเจ้าทรัพย์ ดังนี้ แสดงให้เห็นว่าทำร้ายเพื่อระงับการติดตามของคนเหล่านั้นโดยหวังผลที่จะพาบุหรี่ที่ลักมานั้นไป และเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นผิดอาญาสำหรับความผิดฐานลักทรัพย์ ที่ได้กระทำลง ย่อมเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1421/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายเพื่อหลีกเลี่ยงการติดตามหลังลักทรัพย์เข้าข่ายชิงทรัพย์
ลักบุหรี่ที่เขาวางขายไว้ที่ร้านแผงลอยไป 1 ซองแล้วเดินเรื่อยๆ ไป เจ้าทรัพย์กับพวกติดตามในขณะนั้นชั่วระยะทางเพียงเล็กน้อยก็ทัน จำเลยจึงใช้มือชกต่อยพวกเจ้าทรัพย์ ดังนี้ แสดงให้เห็นว่าทำร้ายเพื่อระงับการติดตามของคนเหล่านั้นโดยหวังผลที่จะพาบุหรี่ที่ลักมานั้นไป และเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นผิดอาญาสำหรับความผิดฐานลักทรัพย์ ที่ได้กระทำลง ย่อมเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1329/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องลักทรัพย์จากของกลางคดีอื่น: ความชัดเจนของฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยบังอาจลักไม้สักที่เจ้าพนักงานป่าไม้อำเภอเมืองยึดไว้เป็นของกลางในคดีอาญา ซึ่งบุคคลอื่นต้องหาว่าตัดฟันไม้สักรายนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานไป ขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์ แม้จะไม่ได้บรรยายว่า จำเลยลักไม้นั้นไปจากใคร ผู้ใดเป็นผู้ควบคุมรักษา และไม่ปรากฏว่าไม้นั้นยึดจากใคร ก็ถือได้ว่าเป็นฟ้องที่มีข้อความบรรยายมาพอสมควรที่จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้วไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1307/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเก็บผลผลิตในที่ดินที่พิพาทเรื่องกรรมสิทธิ ไม่ถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ แต่เป็นเรื่องแย่งกรรมสิทธิทางแพ่ง
จำเลยเก็บมะพร้าวในสวนที่จำเลยครอบครอง ในฐานะที่ถือตนว่าเป็นเจ้าของสวนตลอดา แม้จะมีกรณีโต้เถียงกับโจทก์ในเรื่องกรรมสิทธิของสวนพิพาทนี้ ก็เป็นเรื่องลักทรัพย์ทางอาญาไม่ได้ กรณีเป็นเรื่องแย่งกรรมสิทธิทางแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1307/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท: การเก็บผลผลิตไม่ใช่ลักทรัพย์ หากเป็นข้อพิพาททางแพ่ง
จำเลยเก็บมะพร้าวในสวนที่จำเลยครอบครอง ในฐานะที่ถือตนว่าเป็นเจ้าของสวนตลอดมา แม้จะมีกรณีโต้เถียงกับโจทก์ในเรื่องกรรมสิทธิ์ของสวนพิพาทนี้ ก็เป็นเรื่องลักทรัพย์ทางอาญาไม่ได้ กรณีเป็นเรื่องแย่งกรรมสิทธิ์ทางแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 346/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์สำเร็จบางส่วน แม้จะเอาทรัพย์ไปไม่ทั้งหมด ก็ถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ได้
จำเลยเจตนาจะลักตะเกียงท้ายรถยนต์ของผู้เสียหาย จึงไขตะปูควงตะเกียงท้ายรถยนต์ จนตะเกียงหลุดจากท้ายรถแล้วดวงหนึ่ง อีกดวงหนึ่งยังไม่หลุด ดังนี้ถือว่าจำเลยกระทำการจนตะเกียงหลุดเคลื่อนออกไปจากท้ายรถแล้วเรียกได้ว่าเป็นการเอาทรัพย์ไปเป็นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้วส่วนหนึ่ง แม้ทรัพย์สิ่งอื่นจะยังเอาไปไม่สำเร็จก็ตาม (อ้างฎีกาที่ 999/2485)
โจทก์ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์(ในข้อเท็จจริง) ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอ้างว่า ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 220 โจทก์จึงทำฎีกามายื่นในวันรุ่งขึ้นใหม่อีกครั้งเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ดังนี้เมื่อมายื่นภายในอายุความฎีกา ศาลชั้นต้นสั้งรับไว้ได้
โจทก์ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์(ในข้อเท็จจริง) ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอ้างว่า ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 220 โจทก์จึงทำฎีกามายื่นในวันรุ่งขึ้นใหม่อีกครั้งเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ดังนี้เมื่อมายื่นภายในอายุความฎีกา ศาลชั้นต้นสั้งรับไว้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 346/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักทรัพย์สำเร็จบางส่วน: การกระทำที่ทำให้ทรัพย์หลุดเคลื่อนที่ถือเป็นเอาทรัพย์ไป
จำเลยเจตนาจะลักตะเกียงท้ายรถยนต์ของผู้เสียหาย จึงไขตะปูควงตะเกียงท้ายรถยนต์ จนตะเกียงหลุดจากท้ายรถแล้วดวงหนึ่ง อีกดวงหนึ่งยังไม่หลุดดังนี้ถือว่าจำเลยกระทำการจนตะเกียงหลุดเคลื่อนออกไปจากท้ายรถแล้วเรียกได้ว่าเป็นการเอาทรัพย์ไป เป็นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้วส่วนหนึ่ง แม้ทรัพย์สิ่งอื่นจะยังเอาไปไม่สำเร็จก็ตาม(อ้างฎีกาที่ 999/2485)
โจทก์ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ (ในข้อเท็จจริง) ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอ้างว่า ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220โจทก์จึงทำฎีกามายื่นในวันรุ่งขึ้นใหม่อีกครั้งเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายดังนี้เมื่อมายื่นภายในอายุความฎีกา, ศาลชั้นต้นสั่งรับไว้ได้
โจทก์ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ (ในข้อเท็จจริง) ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอ้างว่า ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220โจทก์จึงทำฎีกามายื่นในวันรุ่งขึ้นใหม่อีกครั้งเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายดังนี้เมื่อมายื่นภายในอายุความฎีกา, ศาลชั้นต้นสั่งรับไว้ได้