พบผลลัพธ์ทั้งหมด 145 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1096/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วิ่งราวทรัพย์ต้องมีการฉกฉวยทรัพย์สิน การหยิบแล้วรีบหนีไม่ใช่ความผิดวิ่งราวทรัพย์
ความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์นั้นได้แก่การลักทรัพย์โดยการใช้กิริยาฉกฉวยเอาทรัพย์หนีไปต่อหน้า
จำเลยหยิบผ้าของเจ้าทรัพย์ซึ่งวางขายอยู่ แล้วรีบพามาขึ้นรถ 3 ล้อนั้น จำเลยไม่ได้ใช้กิริยาฉกฉวยเอาทรัพย์นั้น การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
จำเลยหยิบผ้าของเจ้าทรัพย์ซึ่งวางขายอยู่ แล้วรีบพามาขึ้นรถ 3 ล้อนั้น จำเลยไม่ได้ใช้กิริยาฉกฉวยเอาทรัพย์นั้น การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 996/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์ในเคหะสถาน: การ 'เข้าไป' ต้องหมายถึงตัวบุคคล มิใช่ส่วนใดส่วนหนึ่ง
จำเลยยื่นมือเข้าไปทางประตูเอาไม้เล็กประมาณ 1 แขนสอยเอากางเกงของเจ้าทรัพย์ ที่ตากไว้ข้างฝาในห้องไป ดังนี้ จำเลยย่อมมีผิดฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 288 หาใช่ตามมาตรา 294 ข้อ 1 ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 996/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์ในเคหะสถาน: การเข้าถึงตัวทรัพย์สินด้วยมือและเครื่องมือ
จำเลยยื่นมือเข้าไปทางประตู เอาไม้เล็กประมาณ 1 แขนสอยเอากางเกงของเจ้าทรัพย์ ที่ตากไว้ข้างฝาในห้องไป ดังนี้ จำเลยย่อมมีผิดฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 288 หาใช่ตามมาตรา 294 ข้อ 1 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์เมื่อทรัพย์สินยังอยู่ในความครอบครองของเจ้าของ
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยยักยอกเก็บของตก. ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยลักทรัพย์ต้องยกฟ้อง โจทก์
เจ้าทรัพย์กับจำเลยช่วยกันเข็นเรือ อยู่ห่างกัน 1 ศอกไม่มีใครคั่นขณะเข็นเรืออยู่นั้น เงินของเจ้าทรัพย์ตกจากกระเป๋าเสื้อชั้นในลงมาจำเลยก็หยิบเอาไปเสียในทันใดนั้นเอง ดังนี้ ขณะที่จำเลยหยิบธนบัตรขึ้นมานั้นธนบัตรยังหาได้ขาดจากความครอบครองของเจ้าทรัพย์โดยเด็ดขาดไม่ เมื่อเจ้าทรัพย์ยังครอบครองอยู่การที่จำเลยหยิบเอาไป ก็มีความผิดฐานลักทรัพย์
เจ้าทรัพย์กับจำเลยช่วยกันเข็นเรือ อยู่ห่างกัน 1 ศอกไม่มีใครคั่นขณะเข็นเรืออยู่นั้น เงินของเจ้าทรัพย์ตกจากกระเป๋าเสื้อชั้นในลงมาจำเลยก็หยิบเอาไปเสียในทันใดนั้นเอง ดังนี้ ขณะที่จำเลยหยิบธนบัตรขึ้นมานั้นธนบัตรยังหาได้ขาดจากความครอบครองของเจ้าทรัพย์โดยเด็ดขาดไม่ เมื่อเจ้าทรัพย์ยังครอบครองอยู่การที่จำเลยหยิบเอาไป ก็มีความผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องลักตัดทรัพย์สิน: การตีความคำว่า 'บังอาจ' ในฟ้องอาญา
ฟ้องของโจทก์กล่าวว่า จำเลยบังอาจใช้กรรไกรลักตัดสร้อยคอของ พ.ไปดังนี้ย่อมเป็นที่เข้าใจว่าจำเลยลักตัดสร้อยคอของพ. ไปโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องลักทรัพย์: การตีความคำว่า 'บังอาจ' และการลักตัดทรัพย์สิน
ฟ้องของโจทก์กล่าวว่า จำเลยบังอาจใช้กรรไกรลักตัดสร้อยคอของ พ. ไป ดังนี้ ย่อมเป็นที่เข้าใจว่า จำเลยลักตัดสร้อยคอของ พ.ไป โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีอาญาหลังเจ้าของสิทธิถึงแก่กรรม และการอนุญาตฎีกาของผู้พิพากษาที่ย้ายศาล
ผู้พิพากษาซึ่งเคยนั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้น แม้จะถูกย้ายไปอยู่ศาลอื่นก็ตาม ถ้าหากยังคงเป็นผู้พิพากษาอยู่ ก็ย่อมอนุญาตให้คู่ความในคดีนั้นฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221
คดีของโจทก์มีพยานเอกสารมากมาย เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าพยานบุคคลรับฟังไม่ได้ แม้มีพยานเอกสารมาเจือสมก็ไม่มีผลดีแก่คดีของโจทก์แล้ว ศาลอุทธรณ์จะไม่พิจารณาพยานเอกสารนั้นๆ ต่อไปก็ได้ ไม่เป็นการผิดกฎหมาย
คดีลักทรัพย์ ถ้าปรากฏว่าจำเลยได้กระทำผิดก่อนเจ้าทรัพย์ถึงแก่กรรมทายาทหรือผู้จัดการมรดกของเจ้าทรัพย์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องร้องเพราะไม่ใช่ผู้เสียหาย
ฟ้องโจทก์ได้กล่าวหาว่าจำเลยปลอมหนังสือสัญญากู้และกระทำพยานหลักฐานเท็จตั้งแต่ระยะเวลาก่อนผู้เสียหายถึงแก่กรรมตลอดมาจนภายหลังถึงแก่กรรม คดีไม่อาจชี้ได้ว่าจำเลยกระทำผิดในระยะใด คดีไม่มีทางที่จะรู้ได้ว่าโจทก์จะมีอำนาจฟ้องได้หรือไม่ เช่นนี้ในชั้นฎีกาก็ไม่จำเป็นต้องพิจารณาข้อเท็จจริงต่อไป
ในข้อหาที่ว่าจำเลยอ้างหลักฐานเท็จในคดีแพ่ง คือหาว่าจำเลยอ้างสัญญากู้ที่จำเลยทำปลอมขึ้นโดยเจตนาจะใช้แทนสัญญากู้ฉบับที่จำเลยกู้เงินจากผู้ตาย ดังนี้เมื่อเป็นคดีที่จำเลยฟ้องร้องกันเองในคดีแพ่ง โจทก์ซึ่งเป็นทายาทหรือผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ย่อมไม่ใช่เป็นผู้เสียหายในคดีนั้นจึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาในข้อหาฐานอ้างหลักฐานเท็จ
คดีของโจทก์มีพยานเอกสารมากมาย เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าพยานบุคคลรับฟังไม่ได้ แม้มีพยานเอกสารมาเจือสมก็ไม่มีผลดีแก่คดีของโจทก์แล้ว ศาลอุทธรณ์จะไม่พิจารณาพยานเอกสารนั้นๆ ต่อไปก็ได้ ไม่เป็นการผิดกฎหมาย
คดีลักทรัพย์ ถ้าปรากฏว่าจำเลยได้กระทำผิดก่อนเจ้าทรัพย์ถึงแก่กรรมทายาทหรือผู้จัดการมรดกของเจ้าทรัพย์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องร้องเพราะไม่ใช่ผู้เสียหาย
ฟ้องโจทก์ได้กล่าวหาว่าจำเลยปลอมหนังสือสัญญากู้และกระทำพยานหลักฐานเท็จตั้งแต่ระยะเวลาก่อนผู้เสียหายถึงแก่กรรมตลอดมาจนภายหลังถึงแก่กรรม คดีไม่อาจชี้ได้ว่าจำเลยกระทำผิดในระยะใด คดีไม่มีทางที่จะรู้ได้ว่าโจทก์จะมีอำนาจฟ้องได้หรือไม่ เช่นนี้ในชั้นฎีกาก็ไม่จำเป็นต้องพิจารณาข้อเท็จจริงต่อไป
ในข้อหาที่ว่าจำเลยอ้างหลักฐานเท็จในคดีแพ่ง คือหาว่าจำเลยอ้างสัญญากู้ที่จำเลยทำปลอมขึ้นโดยเจตนาจะใช้แทนสัญญากู้ฉบับที่จำเลยกู้เงินจากผู้ตาย ดังนี้เมื่อเป็นคดีที่จำเลยฟ้องร้องกันเองในคดีแพ่ง โจทก์ซึ่งเป็นทายาทหรือผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ย่อมไม่ใช่เป็นผู้เสียหายในคดีนั้นจึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีอาญาในข้อหาฐานอ้างหลักฐานเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 51/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอนและข้อกำหนดของกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ทำให้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยทำผิดจริงดังฟ้อง และพิพากษาลงโทษจำเลยแต่ให้รอการลงอาญาไว้ตาม มาตรา 41,42 กฎหมายลักษณะอาญา โจทก์จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ฎีกาโจทก์ไม่มีผู้รับรองตามมาตรา 221 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 51/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากฎีกาในประเด็นข้อเท็จจริงต้องห้ามตามกฎหมาย และไม่มีผู้รับรองฎีกา
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยทำผิดจริงดังฟ้อง และพิพากษาลงโทษจำเลย แต่ให้รอการลงอาญาไว้ตาม มาตรา 41,42 ก.ม. ลักษณะอาญา โจทก์จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญา มาตรา 220 ฎีกาโจทก์ไม่มีผู้รับรองตามมาตรา 221 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1253/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองทรัพย์สินชั่วคราวและการลักทรัพย์: การที่การช่วยถือทรัพย์ไม่อาจตัดสิทธิเจ้าของได้
เจ้าทรัพย์ยอมให้จำเลยช่วยถือทรัพย์ไว้แทนตนและไปด้วยกัน การครอบครองในทรัพย์ยังตกอยู่แก่เจ้าของทรัพย์ การที่จำเลยบังอาจพาทรัพย์นั้นหนีไป ให้พ้นจากความครอบครองของเจ้าของทรัพย์ โดยไม่ได้รับอนุญาต ย่อมเป็นความผิดฐานลักทรัพย์